เรื่องอสทิสทาน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้าที่ ๒๖๒
๑๐. เรื่องอสทิสทาน [๑๔๖] ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภอสทิสทานตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " น เว กทริยา เทวโลกํ วชนฺติ " เป็นต้น. พระราชาถวายทานแข่งกับราษฎร
ความพิสดารว่า สมัยหนึ่ง พระศาสดาเสด็จจาริกไปแล้ว มีภิกษุประมาณ ๕๐๐ เป็นบริวาร เสด็จเข้าไปในพระเชตวัน. พระราชาเสด็จไปวิหารทูลนิมนต์พระศาสดา ในวันรุ่งขึ้น ทรงตระเตรียมอาคันตุกทานแล้ว จึงตรัสเรียกชาวพระนครว่า " จงดูทานของเรา. " ชาวพระนครมาเห็นทานของพระราชาแล้ว ในวันรุ่งขึ้น ทูลนิมนต์พระศาสดา ตระเตรียมทานแล้ว ส่ง (ข่าวไปกราบทูล) แด่พระราชาว่า " ขอพระองค์ผู้เป็นสมมติเทพ จงทอดพระเนตรทานของพวกข้าพระองค์. " พระราชาเสด็จไปทอดพระเนตรทานของชาวพระนครเหล่านั้นแล้ว พระนางมัลลิกาทรงจัดทาน
ลำดับนั้น พระนางมัลลิกาเทวีเข้าไปเฝ้าท้าวเธอแล้ว ทูลถามว่า "ข้าแต่มหาราชเจ้า. เพราะเหตุไร พระองค์จึงเป็นผู้บรรทมอย่างนี้? "พระราชาตรัสว่า " เทวี บัดนี้ เธอยังไม่ทราบหรือ? " พระเทวี. หม่อมฉันยังไม่ทราบ พระเจ้าข้า. ท้าวเธอตรัสบอกเนื้อความนั้นแก่พระนางแล้ว. ลำดับนั้น พระนางมัลลิกากราบทูลท้าวเธอว่า " ข้าแต่สมมติเทพพระองค์อย่าทรงดำริเลย. พระราชาผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน อันชาวพระนครทั้งหลายให้พ่ายแพ้อยู่ พระองค์เคยทอดพระเนตรหรือ หรือเคยสดับแล้วที่ไหน? หม่อมฉันจักจัดแจงทานแทนพระองค์." พระนางกราบทูลแด่ท้าวเธออย่างนี้ เพราะความที่พระนางเป็นผู้ใคร่จะจัดแจงอสทิสทาน แล้วกราบทูลว่า "ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ขอพระองค์จงรับสั่งให้เขาทำมณฑปสำหรับนั่งภายในวงเวียน เพื่อภิกษุประมาณ ๕๐๐ รูป ด้วยไม้เรียบที่ทำด้วยไม้สาละและไม้ขานาง พวกภิกษุที่เหลือจักนั่งภายนอกวงเวียน; ขอจงรับสั่งให้ทำเศวตฉัตร ๕๐๐ คัน.ช้างประมาณ ๕๐๐ เชือก จักถือเศวตฉัตรเหล่านั้น ยืนกั้นอยู่เบื้องบนแห่งภิกษุประมาณ ๕๐๐ รูป. ขอจงรับสั่งให้ทำเรือสำเร็จด้วยทองคำอันมีสีสุก สัก ๘ ลำหรือ ๑๐ ลำ, เรือเหล่านั้นจักมี ณ ท่ามกลางมณฑป. เจ้าหญิงองค์หนึ่งๆ จักนั่งบดของหอมอยู่ในระหว่างภิกษุ ๒ รูปๆ , เจ้าหญิงองค์หนึ่งๆ จักถือพัดยืนพัดภิกษุ ๒ รูปๆ , เจ้าหญิงที่เหลือ จักนำของหอมที่บดแล้วๆ มาใส่ในเรือทองคำทั้งหลาย. บรรดาเจ้าหญิงเหล่านั้น เจ้าหญิงบางพวกจักถือกำดอกอุบลเขียว เคล้าของหอมที่ใส่ไว้ในเรือทองคำแล้ว จักให้ภิกษุรับเอาไออบ; เพราะเจ้าหญิงไม่มีแก่ชาวพระนครเลยทีเดียว. เศวตฉัตรก็ไม่มี. ช้างก็ไม่มี. ชาวพระนครจักพ่ายแพ้ด้วยเหตุเหล่านี้, ข้าแต่มหาราช ขอพระองค์จงรับสั่งให้ทำอย่างนี้เถิด. " พระราชาทรงรับว่า " ดีละ พระเทวี เรื่องอันงาม เจ้าบอกแล้ว " จึงรับสั่งให้ทำกิจทั้งสิ้น โดยทำนองที่พระนางกราบทูลแล้วทีเดียว. ก็ในทานนั้นแล ทรัพย์มีประมาณ ๑๔ โกฏิ เป็นอันพระราชาทรงบริจาคโดยวันเดียวเท่านั้น. ก็ของ ๔ อย่าง คือเศวตฉัตร ๑ บัลลังก์สำหรับนั่ง ๑ เชิงบาตร ๑ ตั่งสำหรับเช็ดเท้า ๑ เป็นของหาค่ามิได้เทียวเพื่อพระศาสดา. ใครๆ ผู้สามารถเพื่อทำทานเห็นปานนี้แล้ว ถวายทานแด่พระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่ได้มีแล้วอีก; เพราะเหตุนั้นนั่นแล ทานนั้นจึงปรากฏว่า " อสทิสทาน. " ได้ยินว่า อสทิสทานนั้น มีแด่พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ครั้งเดียวเท่านั้น. สตรีเท่านั้นย่อมจัดแจง (ทาน) เพื่อพระศาสดาและภิกษุทั้งปวง.