บันทึกสุดท้าย...จาก ผู้หญิงชื่อเพราะ...บุษบงรำไพ #7

 
pannipa.v
วันที่  1 ก.ย. 2551
หมายเลข  9724
อ่าน  2,872

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น

บันทึกสุดท้าย...จาก บุษบงรำไพ พึ่งบุญ ณ อยุธยา พลวัฒน์

"เป็นเรื่องที่น่าติดตาม เพราะไม่รู้ถึงวันจบเมื่อไหร่?

แต่จบ...แน่ๆ !!!"

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2551 ศุกร์

ตอนแรก คิดจะไม่มาตัดไหมที่ ร.พ. ก็พอดีคุณวีระต้องมา ร.พ. วางใบนัดแยกย้ายกันไปตามแผนก นั่งรอคุณหมอภูษิต เฟื่องฟู ท่านผู้นี้เป็นผู้ตัดสินใจให้เจาะก้อนเนื้อที่เอวไปตรวจ พอได้พบกับท่านก็บอก นัดให้มาตัดไหม แล้วคุยกันทราบแน่แล้ว แต่ยังไม่รู้ผลตรงไหน? รู้ว่าที่ไหน ถ้ารักษาให้หายได้ 70-80% ก็น่าพิจารณา แต่ถ้า 20-30% ก็ลองพิจารณาดูเอง (หมอให้คำแนะนำ) ดิฉันตอบตัด บอกไม่ทำอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่กราบเรียนถามว่า ถ้าถึงเจ็บปวด จะช่วยอะไรได้ไหม? หมอบอกว่า "สมัยนี้ คนขาขาดยังไม่เจ็บ คือยาแรงพอระงับความเจ็บ แต่ผลต่อไปก็ดื้อยา ก็ไม่ว่ากัน หมอคงให้ยาตามอาการ ก็คงจากไปอย่างสงบ เพราะไม่มีแรงดิ้น สำคัญที่ใจ นิ่งไหม?

เพราะฉะนั้น ช่วงนี้ต้องอบรมที่จะรู้ลักษณ์ของธรรมที่เกิดขึ้นเป็นสำคัญ เวลานี้กับใกล้จุติก็เหมือนกัน รูปเกิดดับเท่ากัน 17 ขณะของจิต เกิด ดับ (โอ้โฮ!! แยกรูป แยกนาม เลยหรือจ๊ะ)

ความจริงสูงสุดของการอบรม ก็ต้องมาลงตรงความต่างระหว่าง 2 อย่างไม่ใช่พูดตาม แต่ไม่เคยถึงขั้น จินตา เลย ฟังไปก็เสียเวลาเปล่า (ว่าตัวเองนะ)

คุณหมอก็บอก คนไข้เข้าใจดีก็พูดกันสบาย เป็นคนอื่น หนีไปแล้ว ไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น ดิฉันว่า เรื่องสัจจธรรม มีเกิด ก็มีแก่ มีเจ็บ มีตาย ตอนนี้รู้ว่าจะตายก็น่าจะดี อยากทำอะไรที่ดี ยังไม่ได้ทำ ก็ทำซะ เพราะแบกเอาอะไรไปไม่ได้ น่าทึ่งจริงๆ

เรียนคุณหมอว่า ดูเถอะ ความแก่ปรากฏชัดเจน แขนห้อยต่องแต่งๆ คอ ยาว กระดูกเป็นซี่ๆ

หมอบอกว่า ตัวเนื้อร้าย เขาจะกินเนื้อดี (ดูเถอะ รูปกินรูป)

หมอกล่าวต่อไปว่า "จำได้ไหม พระพุทธองค์ ตรัสว่า ตอนปฏิสนธิ มีแต่ "กาลล" คือ จะบอกว่าเกิดมาก็เท่านี้ เพราะฉะนั้น ตอนนี้จะแก่ เหี่ยว มันก็คือ ไม่มี แล้วมี แล้วหามีไม่ ท่านเตือนสติได้หลายอย่าง จริงๆ ตามที่เรียน

ตอนปฏิสนธิเกิด ก็เกิดกับรูป 3 กลุ่ม หทยทสกกลาป ภาวทสกกลาป กายทสกกลาป เพราะฉะนั้น ขณะนี้ก็จวนจะหายไปทั้งหมดแล้ว จะกลัวอะไรกับความจริง อ้าว! ก็ต้องแปลกใจเป็นธรรมดา ตอนสาวๆ ใส่ 2 pieces สวยงามติดในรูป ตอนนี้มีแต่ skin and bones ก็สวยคนละอย่าง สวยแบบทางโลก ตอนนี้สวยอย่างทางธรรม หุ่นใกล้ตอนที่พระพุทธองค์ บำเพ็ญทุกขกรกิริยาที่ ถ้ำดงคสิริ

เพิ่งได้ไปหนสุดท้ายของการไปอินเดีย กลับมาเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 51 ต้นเดือนนี้เอง เหลือเชื่อ ความเจ็บป่วยมารวดเร็วทันใจจริง ไม่ทราบจะลงเร็วขนาดไหน ใครจะตอบได้....ไม่มี!! จริงๆ แล้ว เราก็ไม่มี มีแต่ขณะจิต ถ้าพิจารณาอย่างนี้ หมดกังวลในทุกขณะ หลายคนบอกว่า " คุณบงเก่ง เข้มแข็ง"

เรียนท่านอาจารย์ว่า "บงขอเรียนให้ทราบว่า บงมีความเข้มแข็ง 3 ส่วน

เรื่อง "ละ"....นานๆ จะหวั่นไหวซะที"

ท่านอาจารย์ว่า " ขณะนี้ที่พูด โลภะ แอบมาใกล้ๆ หรือเปล่า"

(โอ้โฮ!! พลาดไปตลอด ที่พูดนี่ หลงลืมสติ มานะ ปรากฏตัวเบ่อเร่อ แต่ไม่รู้ เพลิดกับโสมนัส คิดว่าเป็นปัญญา ผิดถนัด มานะ ชัดแจ๋ว) ดูเอาเถอะ คิดว่ากุศล อกุศลชัดๆ โสมนัส ด้วย

เพราะฉะนั้น ประสบการณ์จากการสนทนา จึงมีประโยชน์มาก จะเห็นว่า ดิฉันจะกราบเรียนถามคำถามอยู่เป็นประจำ ก็ต้องขอโทษ สำหรับคนที่เบื่อคำถาม สบายใจได้ คงไม่มีคำถามจากคนชื่อ บุษบงรำไพ พึ่งบุญ ณ อยุธยา พลวัฒน์แล้ว

ไม่ใช่หมดคำถาม แต่ (จิตใจ) ไม่มีรูปจะอาศัย ค่ะ

คุยกับคุณหมออย่างจุใจ คุณวีระ ก็มาร่วมสนทนาด้วยอาการยิ้มแย้มทั้งสามคน หมอบอกว่า สุดท้ายถ้าจะต้องมา ร.พ.ก็บอก ดีใจที่มีผู้ช่วยเหลือจนสุดท้าย จัดการได้จนนาทีสุดท้าย (ไม่ได้ไปขอร้องผู้ที่ช่วยไม่ได้ ให้เขาไม่สบายใจ ก็ขอโทษทำให้ท่านไม่สบายใจ) จริงๆ ก็แค่ปรึกษาดูว่า หมอเข้าวันไหน เพราะเห็นท่านอยู่ที่ ร.พ. คำตอบคือ "จะดูให้" (แล้วหายต๋อม) ส่งท้ายด้วยบอกว่า " อยู่บ้านออกกำลังกายไปก่อน แล้วท้องจะยุบเอง" (ได้งั้นก็ดีซิพี่ ตอนแรก เห็นซักแล้วเหมือนหมอใหญ่ จริงๆ มิได้จะกวนท่านแต่ท่านผู้หวังดีโอนสายติดต่อไป ขอโทษอีกพันครั้ง)

ตอนจะจากกับคุณหมอ ก็บอกท่านว่า "ไปก่อนนะคะ"

ท่านก็ว่า "ไปก่อนเถอะ เดี๋ยวก็มีคนตามไปเป็นพรวน"

ความจริงก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพียงแต่เวลาและปัจจัยตามการสะสมมา ฟังธรรมท่านอาจารย์บรรยายมา 20 ปีแล้ว น่าจะเข้าใจอะไรพอเอาตัวรอดได้

ความเป็นอนัตตา ขั้นเข้าใจต้องมั่นคง เมื่อสติปัฏฐานเกิด ไม่มีตัวตน ไม่มีใครบังคับบัญชา ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ธรรมเกิดทีละขณะ มีแต่ลักษณะปรากฏ ที่แตกต่างกันอย่างอย่างสิ้นเชิง

เพราะฉะนั้น ตัวเราจึงไม่มี หาไม่เจอ อยู่ตรงไหน จะว่ามีคนอื่น ก็เราไม่มีคนอื่นจะมีได้ไง มีคนอื่นก็ขณะคิดถึงเท่านั้น แต่รู้ไม่เท่าทัน พอใจจะให้มีคนอีกต่างหาก

(...มีต่อ...)


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pannipa.v
วันที่ 1 ก.ย. 2551

เธอจงดูอัตภาพ ที่ไม่มีความยั่งยืน และมั่นคง

อันกรรมทำให้วิจิตรแล้ว มีกายเป็นแผล อันกระดูก ๓๐๐ ท่อนยกขึ้นแล้ว

อันอาดูร ที่มหาชนครุ่นคิดแล้วโดยมาก

(ชราวรรควรรณา เรื่อง นางสิริมา)

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 2 ก.ย. 2551

อนุโมทนาพี่บงที่มีธรรมะ..ในใจตลอดเวลาอนุโมทนา..คุณ.pannipa.v..ที่นำมาให้อ่าน..และรออ่านแบบจดจ้องเลยคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เจริญในธรรม
วันที่ 2 ก.ย. 2551
ขออนุโมทนาด้วยครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pusitf
วันที่ 2 ก.ย. 2551

การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรงของคุณบุษบงรำไพ จะยังประโยชน์ต่อผู้ป่วยอื่นอีกมาก ขออนุโมทนาสาธุ พอ.นพ. ภูษิต เฟื่องฟู กองศัลยกรรม รพ.พระมงกุฏเกล้า

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
คนเจ้าโทสะ
วันที่ 2 ก.ย. 2551

เคยอ่านเรื่องของการลาจากแล้วรู้สึกเศร้าสร้อย แต่เรื่องของคุณบุษบงรำไพ อ่านแล้วกลับต้องยิ้ม โดยเฉพาะข้อความที่ว่า ตอนจะจากกับคุณหมอ ก็บอกท่านว่า "ไปก่อนนะคะ"

ท่านก็ว่า "ไปก่อนเถอะ เดี๋ยวก็มีคนตามไปเป็นพรวน" ทำให้นึกภาพคุณบุษบงรำไพบนสวรรค์ที่มีเพื่อนเยอะแยะ แล้วก็คงสนทนาธรรมกันอย่างร่าเริง

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านที่เกี่ยวข้องค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เมตตา
วันที่ 2 ก.ย. 2551

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่บง แม้ขณะยังมีชีวิตอยู่ในเวลาสนทนาพระธรรมมีคำถามมากมายที่มีประโยชน์เกื้อกูลแก่พวกเรา เวลาจากไปก็ยังมีพระธรรมมาเตือนใจพวกเราอีก ในชั่วโมงวิชาการเย็นวันหนึ่งท่านอาจารย์ อรรณพ ได้ปรารถถึงพี่บงว่าเวลาสนทนาธรรม พี่บงจะมีคำถามที่มีประโยชน์มาสนทนาเสมอ

ท่านอาจารย์สุจินต์ได้กล่าวว่าพี่บงเป็นผู้ที่มีความเข้าใจในพระธรรม และเป็นผู้ที่มีความมั่งคงในพระธรรม

พี่บงก็ได้ทำดีที่สุด ประเสริฐที่สุดที่เกิดมาในชาตินี้ ในการที่ได้ศึกษาธรรมด้วยความเห็นถูก

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ปริศนา
วันที่ 2 ก.ย. 2551


ขออนุโมทนาค่ะ.

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
paderm
วันที่ 2 ก.ย. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ทั้งคนมั่งมี ทั้งคนยากจน ย่อมกระทบผัสสะ ทั้งคนพาล ทั้งนักปราชญ์ ก็กระทบผัสสะเหมือนกัน แต่คนพาล ย่อมนอนหวาดอยู่เพราะความที่ตนเป็นพาล ส่วนนักปราชญ์อันผัสสะถูกต้องแล้ว ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะเหตุนั้นแล ปัญญาจึงประเสริฐกว่าทรัพย์

(รัฐปาลสูตร)
ขออนุโมทนาครับอุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
wannee.s
วันที่ 2 ก.ย. 2551

ผู้ที่ได้สั่งสมความดีไว้แล้ว ถึงแม้ว่าจะจากโลกนี้ไปแล้ว คนที่อยู่ข้างหลังสามารถเกิด

กุศลจิตระลึกถึงคุณความดีของผู้นั้นได้ อย่างเช่น พี่บงค่ะ จากไปก็แต่เพียงร่างกาย แต่

คุณความดียังอยู่ในใจของเพื่อนสหายธรรมะเสมอค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
suwit02
วันที่ 2 ก.ย. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ป้าจาย
วันที่ 3 ก.ย. 2551
กราบอนุโมทนา ในความอาจหาญ ร่าเริง ของพี่บงค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
pornpaon
วันที่ 3 ก.ย. 2551

ความอาจหาญ ร่าเริง ยินดีในธรรม เกิดเฉพาะกับผู้ที่เข้าใจในพระธรรม

คุณบุษบงรำไพเป็นผู้เข้าใจในพระธรรม จึงไม่หวั่นไหวและยังเป็นผู้ให้กำลังใจกับคนรอบข้างด้วยการซักถามปัญหาเพื่อเกื้อกูลสหายธรรมท่านอื่นๆ จนถึงวันที่สุดกำลังแห่งรูปร่างกายจริงๆ

ขออนุโมทนาคุณบุษบงรำไพ พึ่งบุญ ณ อยุธยา พลวัฒน์ ด้วยความนับถือ

ขออนุโมทนาคุณ pannipa.v

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Pararawee
วันที่ 3 ก.ย. 2551

ยกย่องในความมั่นคงในการศึกษาธรรมะของสุภาพสตรีท่านนี้จริงๆ ค่ะ

ท่านได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับข้าพเจ้าด้วย

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
ajarnkruo
วันที่ 3 ก.ย. 2551

ขออนุโมทนาครับ ยังติดตามตอนต่อไปเสมอ เป็นบันทึกทีมีประโยชน์มากครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
Komsan
วันที่ 4 ก.ย. 2551

ขออนุโมทนา คุณพี่บุษบงรำไพ พึ่งบุญ ณ อยุธยา พลวัฒน์ครับ
และขออนุโมทนาในกุศลจิต ของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
opanayigo
วันที่ 4 ก.ย. 2551

เพราะฉะนั้น ตัวเราจึงไม่มี หาไม่เจอ อยู่ตรงไหน จะว่ามีคนอื่นก็เราไม่มี คนอื่นจะมีได้ไง มีคน ก็ขณะคิดถึงเท่านั้น แต่รู้ไม่เท่าทันพอใจจะให้มีคนอีกต่างหาก

อ่านแล้วได้สะดุ้งค่ะ ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
Khaeota
วันที่ 6 ก.ย. 2551

คิดถึง อาลัย อาวรณ์ถึง " พี่บง "

แม้จะเป็นอกุศลจิต

แต่ก็เป็นธัมมะ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
khampan.a
วันที่ 7 ก.ย. 2551

ภูเขาใหญ่ล้วนแล้วด้วยศิลจรดท้องฟ้า กลิ้งบดสัตว์ทั้งหลายมาโดยรอบทิศทั้ง ๔ แม้ฉันใด ชราและมัจจุ (ความตาย) ย่อมครอบงำสัตว์ทั้งหลาย ก็ฉันนั้น เพราะฉะนั้นแล บุรุษผู้เป็นบัณฑิต เมื่อเห็นประโยชน์ของตน พึงตั้งศรัทธาไว้ในพระพุทธเจ้า ในพระธรรมและในพระสงฆ์ ผู้ใดมีปกติประพฤติธรรม ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญผู้นั้น ในโลกนี้นั่นเทียว ผู้นั้นละไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์"

(จากสังยุตตนิกาย สคาถวรรค ปัพพโตปมสูตร)
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
wirat.k
วันที่ 12 ก.ย. 2551

ขออนุโมทนาในคำถามของคุณบุษบงรำไพ ทำให้คนอื่นๆ ได้เข้าใจด้วย

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ