บันทึกสุดท้าย...จาก ผู้หญิงชื่อเพราะ...บุษบงรำไพ #8
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น
บันทึกสุดท้าย...จาก บุษบงรำไพ พึ่งบุญ ณ อยุธยา พลวัฒน์
"เป็นเรื่องที่น่าติดตาม เพราะไม่รู้ถึงวันจบเมื่อไหร่? แต่จบแน่ๆ !!!"
วันที่ 23 กุมภพันธ์ 2551 เสาร์
อยู่บ้านปกติ คุณวีระ แวะไปมูลนิธิฯ ตอนเย็น ขากลับพี่เดือนฝากมะม่วงและงาดำมาให้ทาน 3 ทุ่ม ได้กลับไปบ้านซอยอารี เพื่อจัดของมาให้คนที่จะใช้ได้เป็นประโยชน์ ของมากมาย มีความสุขกับการจัดของที่จะเหมาะกับใครบ้าง เล่นเอาเหนื่อย เพราะใส่ถุงแล้วเขียนชื่อ จะได้ไม่หลงให้ผิดคน
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2551 อาทิตย์
บ่าย กลับบ้านลุมพินี คณวีระ ไปมูลนิธิ ฯ อยู่บ้านทำข้าวผัดทาน เกิดเหตุการไม่คิด มีควันลอยมาจากใต้เตาที่ทำกับข้าว อยู่ทางไมโครเวฟ เรียกช่างไฟมาดู ก็ไม่มีอะไร เพียงแต่เตาจะหายร้อนช้า ควันคงมาจากการดูดควันออกไป แล้วเปิดประตูไว้ ควันจึงวกกลับมาอีก
อ้าว!!!ตกใจไปอีกเรื่อง ไม่ตายเพราะมะเร็ง กลับมาตายเพราะอย่างอื่นก็เป็นได้
เมื่อตอนค่ำ ท่านอาจารย์โทรมา ด้วยความเมตตาอย่างเคย ถามว่า
"ฟังธรรมหรือเปล่า?" โดนใจดำ บอกตามจริง ไม่ค่อยได้ฟัง แต่การคิดถึงเรื่องธรรมะมีบ่อย จึงพอใจรู้ว่า คิดนึก อบรมรู้ลักษณะ ไม่ใช่เรา เป็นลักษณะของนามธรรม จะตกคำว่า "ลักษณะ"ไม่ได้ เพราะความหมายจะไม่ชัดเจน ถ้าพูดว่า คิดเป็นนามธรรม แสดงว่า เป็นขั้น คิดขณะนั้นไม่ได้ศึกษาลักษณะ
นามธรรมที่ไม่ใช่เราจริงๆ
บอกท่านว่า เวลาคนฟังถามไป ทำให้เราเชื่อในการฟังว่า จะถึงความคิดที่ถูกต้องออกไปได้ไกลขึ้นอีก แต่ถ้าจะฟัง ก็ชอบฟังที่ท่านอาจารย์บรรยายแต่เนื้อแท้เท่านั้น ชอบที่สุด เพราะสิ่งที่ยังไม่เข้าใจ ได้เข้าใจ สำหรับที่เข้าใจแล้ว ก็ตอกย้ำแน่ใจยิ่งขึ้น
ท่านบอกว่า บางคนลบคำถามออก ฟังแต่คำตอบ ดิฉันไม่ถึงขนาดนั้น การตั้งคำถาม ถ้านำไปสู่การรู้ลักษณะของสภาพธรรม ก็ดีมาก จะมีการถามที่เกิดขึ้นกับเขาจริงๆ ไม่ได้พูดตาม ทำให้เราได้เทียบเคียงความเข้าใจของเรา
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2551 จันทร์
ตั้งแต่เช้า เตรียมดูแลให้เรียบร้อย เพราะจะรับท่านอาจารย์ และพี่เดือน เรียนเชิญไว้ตั้งแต่ไปอินเดีย ขณะเดินขึ้นเขาดงคสิริ ว่าจะไปอยู่ใกล้มูลนิธิฯ สะดวกหลายอย่าง ตอนขึ้นไปในถ้ำ (ดงคสิริ) ก็ถ่ายรูป (ปั้น) พระพุทธเจ้า มีรูปร่างผ่ายผอม เพราะอดอาหาร เราดูจะคล้ายรูปปั้นขณะนี้ ก่อนตายคง ปานนี้กระมัง
บ่าย คุณวีระ กลับมาช่วยต้อนรับ ก็เลยคุยกัน 4 คน ประมาณ 2 ช.ม. พี่เดือนนำอาหารมาเพียบ ทานได้หลายวัน อร่อยๆ ๆ ๆ
ท่านอาจารย์บอก กุศลหักเห ทำให้ดิฉันได้ศึกษาธรรม มิฉะนั้นวันๆ ก็ shopping ขนของเข้าบ้าน ตอนนี้กำลังขนออก ให้ๆ ๆ ๆ หลายวัน แล้วยังไม่หมด เพราะรู้ว่าจะเอาอะไรไปไม่ได้ สบายใจดีจัง มาตัวเปล่าก็ไปตัวเปล่า คนมีพอแล้ว ไม่ต้องหาต่อไปอีกแล้ว "อริยทรัพย์" มีค่าสูงสุด
อีกข้อ ท่านอาจารย์ว่า " เกิดแล้ว เห็นแล้ว ทำอะไรได้หมดแล้ว เกิดใหม่อีกแล้ว ไม่อบรมศึกษาก็ไม่เข้าใจ
ดิฉันห่วงเรื่องรูปร่างสังขารมาก เพราะจะเห็นว่า งามอยู่ตลอด ปรากฏว่าได้ฟังคำบรรายตอนหนึ่งว่า จริงๆ ไม่มีคน สัตว์ แต่อัตตสัญญาจำได้ว่ามี ขณะนั้นเป็น มโนทวาร ที่จำว่ามีคน มีเราจริงๆ ก็คือ รูป มหาภูตรูป ซึ่งจะรู้ได้ทางกายเท่านั้น การคิดนึก ไม่ใช่รู้ทางกาย
เพราะฉะนั้น จะรู้วามีรูปเย็น ร้อน ก็ขณะรู้ด้วยกายวิญญาณ หรือ มหากุศลญาณสัมปยุตต์ สติ ปัญญา เกิดเท่านั้น ทำให้เข้าใจว่า คิดผิด จำผิดว่า รูปเป็นเรา เป็น "บุษบงรำไพ" แท้จริงมีในความคิดนึก เข้าใจได้อย่างนี้ ที่เราตายก็ไม่มี เพราะมีแต่ รูปเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึงไหว จะตายได้ไง เกิดแล้วก็ดับ เข้าใจหรือยัง?!!! และการที่รูปจะอัปลักษณ์ ก็เพราะกรรมทำไม่ดีมากมายมาก็แยะ ควรจะเข้าใจผลของกรรม จะปัดไปให้ใคร? น่าเกลียดจัง!!
คราวนี้ พอดูกระจก เห็นผอมพุงโต ก็ได้แง่คิดทางธรรมแยะไปหมด ตั้งแต่สิ่งที่ปรากฏทางตา แล้วก็ไม่ชอบ พอตกบ่ายแก่ๆ รู้สึกมึน เพลียนึกได้ว่าไม่ได้ทานยาความดัน ลืมตั้งแต่เช้า ก็เลยรีบหยิบมาทาน ก็เลยสนทนาต่อไปอย่างสบาย
กราบเท้าท่านอาจารย์ และ พี่ดวงเดือน ที่มาเยี่ยมและนำความ เบิกบานในฤทัยมาให้ปรากฏ ค่ะ
(...มีต่อ...)
ตอนนี้กำลังขนออก ให้ๆ ๆ ๆ หลายวัน แล้วยังไม่หมด เพราะรู้ว่าจะเอาอะไรไปไม่ได้ สบายใจดีจัง
มาตัวเปล่า ก็ไปตัวเปล่า ควรมีพอแล้ว ไม่ต้องหาต่อไปอีกแล้ว "อริยทรัพย์" มีค่าสูงสุด อีกข้อท่านอาจารย์ว่า " เกิดแล้ว เห็นแล้ว ทำอะไรได้หมดแล้ว เกิดใหม่อีกแล้ว ไม่อบรมศึกษาก็ไม่เข้าใจเตือนใจได้ดีมากครับ
ขออนุโมทนาครับ
" นันทา เธอจงดูกายอันกรรมยกขึ้น
อันอาดูร ไม่สะอาด เปื่อยเน่า
ไหลออกอยู่ข้างบน ไหลออกอยู่ข้างล่าง
ที่พาลชนทั้งหลายปรารถนากันนัก
สรีระของเธอนี้...ฉันใด
สรีระของหญิงนั่น...ก็ฉันนั้น
เธอจงเห็นธาตุทั้งหลายโดยความเป็นของสูญ
อย่ากลับมาสู่โลกนี้อีก
เธอคลี่คลายความพอใจในภพเสียแล้ว
จักเป็นบุคคลผู้สงบเที่ยวไป "
(ชราวรรควรรณา เรื่อง พระนางรูปนันทาเถรี)
ท่านอาจารย์โทรมา ด้วยความเมตตาอย่างเคย ถามว่า
"ฟังธรรมหรือเปล่า?" โดนใจดำ...บอกตามจริง ไม่ค่อยได้ฟัง แต่การคิดถึงเรื่องธรรมะ มีบ่อย...ขออนุโมทนาครับ...
กราบเท้าท่านอาจารย์และพี่ดวงเดือน ที่มาเยี่ยม และนำความ เบิกบานในฤทัยมาให้ปรากฏ ค่ะ
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์และท่านอาจารย์ดวงเดือนค่ะ
กุศลจิตที่เกิดทุกครั้งเมื่อได้อ่านบันทึกของพี่บุษบงรำไพ ขอกราบอุทิศส่วนกุศลให้พี่บงค่ะ และขออนุโมทนากับคุณติ๋วที่มีกุศลวิริยอุตสาหะ ถ่ายทอดบันทึกชุดนี้ ขอความกรุณาคณะกรรมการของมูลนิธิฯ และคุณพี่วีระ พิจารณาเรื่องนี้ พิมพ์เป็นหนังสือด้วยเถอะค่ะ เห็นว่า จะมีประโยชน์เป็นอย่างมากแก่ผู้วายชนน์ที่เตือนใจผู้ยังชนม์ทั้งหลาย กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ทั้งสอง ที่เป็นที่พึ่งแก่ศิษย์ทุกๆ คน ด้วยเมตตาธรรมของท่านค่ะ
ตอนนี้กำลังขนออก ให้ๆ ๆ ๆ หลายวันแล้วยังไม่หมด เพราะรู้ว่าจะเอาอะไรไปไม่ได้ สบายใจดีจัง มาตัวเปล่า ก็ไปตัวเปล่า คนมีพอแล้ว ไม่ต้องหาต่อไปอีกแล้ว "อริยทรัพย์" มีค่าสูงสุด
อ่านบันทึกนี้ทีไรก็อนุโมทนาในคำพูดที่เตือนใจของคุณบุษบงรำไพทุกที เพราะภรภาอรยังขนแต่กิเลสเข้าอยู่ทุกวัน นานๆ ทีถึงจะนึกได้ว่า กิเลสนั้น เป็นสิ่งที่ควรขนออก สละออก อริยทรัพย์ ต่างหากที่ควรค่อยๆ สะสม ปัญญา เท่านั้นที่เป็นที่พึ่งอันควรมีและนำติดตัวไปด้วยในทุกภพ
ขออนุโมทนา คุณบุษบงรำไพ พึ่งบุญ ณ อยุธยา พลวัฒน์
ด้วยความนับถือและขอบพระคุณ
ขออนุโมทนาคุณ pannipa.v
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ
ตอนนี้กำลังขนออก ให้ๆ ๆ ๆ หลายวันแล้วยังไม่หมด เพราะรู้ว่าจะเอาอะไรไปไม่ได้ สบายใจดีจัง มาตัวเปล่า ก็ไปตัวเปล่า คนมีพอแล้ว ไม่ต้องหาต่อไปอีกแล้ว "อริยทรัพย์" มีค่าสูงสุด
ประโยชน์สูงสุดในชีวิต คือ การได้รู้ความจริงของสิ่งทั้งปวง...
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...