ภาวะความขัดแย้งทางการเมืองเราควรทำตัวอย่างไร

 
caravanboy
วันที่  28 มี.ค. 2549
หมายเลข  977
อ่าน  1,405

ในสภาวะบ้านเมืองในปัจจุบันมีความขัดแย้ง พวกเราเป็นสาวกของพระอรหันต์

สัมมาสัมพุทธเจ้า พวกเราควรจะทำตัวอย่างไร และทั้ง 2 ฝ่าย ที่เกิดความขัดแย้งเป็น

โทสะ โลภะ โมหะ ทั้งนั้นใช่มั้ยครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 29 มี.ค. 2549

ผู้ที่ศึกษาพระธรรมคำสอนย่อมทราบตามหลักธรรมว่า สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง

สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ชีวิตเป็นของน้อยไม่ควร

ประมาท ควรเจริญกุศลทุกประการ ควรเจริญเมตตาไปยังสัตว์ทุกหมู่เหล่า ไม่ว่า

เหตุการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร เราก็ไม่ประมาทในการเจริญกุศลและศึกษาพระ

ธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอริยเจ้าทั้งหลายท่านไม่ขัดแย้งกับใครๆ

เป็นผู้สงบกาย วาจา และใจ ส่วนปุถุชนผู้ที่หนาด้วยกิเลสย่อมมีการทะเลาะขัดแย้งกัน

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
medulla
วันที่ 30 มี.ค. 2549

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
caravanboy
วันที่ 30 มี.ค. 2549

อนุโมทนาครับ จะปฏิบัติจะระลึกและมองดูอย่างเป็นธรรมะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
อารายเนี่ย
วันที่ 22 พ.ค. 2550

ควรรู้จักเสพคุ้นกับสิ่งที่ควรเสพคุ้น ถ้าเราฟังเรื่องการเมืองมาก ด้วยปัญญาที่น้อย

ย่อมทำให้เกิดอกุศล คือ โทสะมาก ดังนั้นควรเสพคุ้นในสิ่งที่ดีมากกว่าคือฟังพระธรรม

ครับซึ่งเรื่องที่เป็นสัปปายะก็เป็นพระธรรมของพระพุทธเจ้า แต่เรื่องที่ไม่เป็นสัปปายะ ก็

เป็นเรื่องที่ทำให้เกิดโทสะ หรือพยาบาทขึ้นได้ครับ เช่นเรื่องความขัดแย้งในปัจจุบัน

ควรเลือกเสพคุ้นสิ่งที่ดีนะครับ

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 745



ข้อความบางตอนจาก สติปัฏฐานสูตร

ละพยาบาทด้วยธรรม ๖ ประการ

อีกอย่างหนึ่ง ธรรม ๖ ประการ ย่อมเป็นไปเพื่อละพยาบาท คือ การเรียนเมตตานิมิต ๑ การบำเพ็ญเมตตาภาวนา ๑ การพิจารณาว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน ๑ ความเป็นผู้มากด้วยการพิจารณา ๑ ความเป็นผู้มีกัลยาณมิตร ๑ การสนทนาถึงเรื่องที่เป็นสัปปายะ ๑.

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
แวะเข้ามา
วันที่ 24 พ.ค. 2550

เราควรทำตัวอย่างไร ...

๑. ปฏิบัติหน้าที่ของความเป็นพลเมืองที่ดี เช่น ไม่สนับสนุนการประพฤติทุจริต

คอร์รัปชั่น เสียภาษี ไม่ทำผิดกฎหมาย เป็นต้น

๒. ปฏิบัติหน้าที่ของความเป็นพุทธบริษัทที่ดี เช่น มีความจริงใจในการศึกษาพระธรรมเกื้อกูลพุทธบริษัทเหล่าอื่น ทั้งวัตถุและธรรม เป็นต้น

เมื่อมีความเข้าใจในพระธรรมเพิ่มขึ้น ก็จะรู้ว่าไม่มีเรา เขา หรือใคร มีเพียงแต่สภาพธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย กระทำกิจตามสมควรแก่สภาพธรรมนั้นๆ เป็นการสั่งสมของกรรม กิเลส เพื่อให้ผลเป็นวิบากต่อไปในอนาคต

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chackapong
วันที่ 26 พ.ค. 2550

ทุกสิ่งเป็นธรรมะ ดังนั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องวางตัวอย่างไร เพื่ออะไร เพียงแค่นอบ

น้อมต่อพระรัตนตรัยก็เพียงพอแล้ว

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
devout
วันที่ 26 พ.ค. 2550

ทุกสิ่งเป็นธรรมะ จึงต้องปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

ถ้ากล่าวว่า "ทุกสิ่งเป็นธรรมะ ดังนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องวางตัวอย่างไร เพื่ออะไร "

แสดงว่ายังขาดความเข้าใจในธรรม ปัญญาต้องมีการอบรมให้เจริญ ไม่ใช่จะเกิดขึ้นเองได้โดยไม่มีเหตุ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chackapong
วันที่ 29 พ.ค. 2550

ขอทราบความเห็นถูกว่า จะต้องวางตัวอย่างไรจึงเรียกได้ว่า เข้าใจธรรมะ จะ

ต้องอบรมเจริญปัญญาอย่างไร ถึงเรียกได้ว่ามีความเข้าใจธรรมะ ต่อสถานการณ์

ความเห็นที่ขัดแย้งทางด้านการเมือง ขอขอบพระคุณล่วงหน้าต่อคำชี้แจง

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
wannee.s
วันที่ 29 พ.ค. 2550

การขัดแย้งกันมีทุกยุคทุกสมัย อบรมปัญญาด้วยการฟังธรรม จนกว่าจะเข้าถึงความจริงคือ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมะ ที่ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนค่ะ

เชิญคลิกอ่านได้ที่....................

ผู้มีความเห็นอันวิปริตย่อมไม่ล่วงพ้นสงสาร [ตติถสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
orawan.c
วันที่ 29 พ.ค. 2550

ต้องมั่นคงมากๆ ในเรื่อง กรรม และ ผลของกรรม ทุกอย่างเป็นธรรมะ เป็นอนิจจัง

ทุกขัง อนัตตา เกิดดับตามเหตุปัจจัย บังคับบัญชาไม่ได้ เป็นเรื่องความคิดเห็น

ซึ่งก็เกิดจากเหตุปัจจัยจริงๆ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ