โคจรรูป...วิสยรูป
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ ๑๓๓ บรรยายโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
คุณเอนก ที่ท่านกล่าวไว้ใน ธาตุมนสิการบรรพ นั้นท่านก็บอกให้รู้ดิน รู้น้ำ รู้ไฟ รู้ลม การรู้อย่างนี้ ถ้าเราไม่รู้ ลักษณะ ของดิน ของไฟ ของลม ของน้ำแล้วเราจะรู้อะไรครับ คือจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ลักษณะของมัน จึงจะรู้ว่าอย่างนี้คือดิน หรืออย่างนี้คือไฟ หรืออย่างนี้คือลม มันมีอาการหรือลักษณะของมันปรากฏให้เราสามารถรู้ได้ทางกาย ก็เป็นการสมควรที่จะ "รู้ลักษณะ" อย่างนั้น หรือว่าไม่จำเป็นที่จะต้อง "รู้ลักษณะ" อย่างนั้น
ท่านอาจารย์ การเจริญสติปัฏฐานนี้ ก็เป็นการรู้สิ่งที่มีจริง ตามความเป็นจริงที่ใช้คำว่า ดินหรือปฐวีธาตุ ก็หมายความถึงสภาพของจริงที่มี "ลักษณะ" อ่อนหรือแข็ง ที่จะเป็นธาตุ เป็นของจริง ก็ต้องมี "ลักษณะ" จริงๆ ธาตุดิน ก็ปรากฏทางกาย ธาตุไฟ ธาตุลม ก็ปรากฏที่กาย ("ลักษณะ" ของธาตุน้ำ รู้ได้ ทางใจ)
คุณเอนก สำหรับธาตุ ๔ นี้ ที่ท่านพูดไว้ว่าใน"กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน" ท่านก็พูดแต่เพียงว่า รู้ดิน รู้น้ำ รู้ลม รู้ไฟ ตำหรับ ตำราที่ท่านสอน คือ ปฐวีธาตุมี "ลักษณะ" อย่างไร เตโชธาตุมี "ลักษณะ" อย่างไร อาโปธาตุมี "ลักษณะ" อย่างไร วาโยธาตุมี "ลักษณะ" อย่างไร ถ้าไม่มี "ลักษณะ" อย่างนี้ ให้เรารู้เราก็ไม่สามารถที่จะรู้ "ลักษณะ"ของธาตุดังกล่าวได้ เช่นเดียวกับ "อิริยาบถ ๔" นี่ก็เช่นเดียวกัน ท่านบอกว่า ให้รู้ชัด ในการ ยืน เดิน นั่ง นอน ทีนี้ ยืน เดิน นั่ง นอนนี้ถ้าเราไม่รู้ "มหาภูตรูป"ที่เรา ยืน เดิน นั่ง นอนนี้ เราจะรู้อะไร? เราก็ไม่สามารถที่จะรู้อะไรได้ เราก็ต้องรู้ "ลักษณะ" อยู่นั่นเองเป็นอย่างนี้ ใช่หรือไม่ครับ
ท่านอาจารย์ กำลังนั่งอยู่อย่างนี้ มีอะไรปรากฏบ้าง ที่ปรากฏ มีอะไรบ้าง แข็ง อ่อน ปรากฏที่ไหน ที่กายกระทบส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ใช่ทั้งหมด ถ้าจะ "นึก" เป็นท่าเป็นทาง ไม่มี "ลักษณะ" ที่ปรากฏที่ กาย คือที่ตา หู จมูก ลิ้นเลยนั้น ต้องเป็นทางใจ "โคจรรูป ๗" หรือ "วิสยรูป" คือ รูป ที่เป็นอารมณ์ มี ๗ รูป คือ
สี เป็นอารมณ์ ทางตา ๑
เสียง เป็นอารมณ์ ทางหู ๑
กลิ่น เป็นอารมณ์ ทางจมูก ๑
รส เป็นอารมณ์ ทางลิ้น ๑
เย็น ร้อน ๑ อ่อน แข็ง ๑ ตึง ไหว ๑ ทางกาย (๓) ทั้งหมด ๗ รูป
ทางใจ ไม่ใช่รู้รูปอื่น ก็รู้สี เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ในเมื่อมี "รูป" ซึ่งมี "ลักษณะ" ปรากฏให้รู้แล้วไม่รู้ก็ไม่สามารถที่จะเกิด "ความรู้ชัด" ใน "ลักษณะ"ของรูปได้
คุณเอนก เจริญปัญญา.
ท่านอาจารย์ การเจริญปัญญาเป็นเรื่องยาก แต่สิ่งที่ยากจะง่ายขึ้นถ้าเริ่มเจริญ แต่ถ้ายังไม่เริ่มเจริญเลยสิ่งที่ยากก็ยังคงยาก อยู่ต่อไป
การเจริญสติปัฏฐาน การเจริญปัญญา เป็นเรื่องยากแต่ว่าควรเริ่มเจริญทันที และการระลึกไม่ใช่ระลึกแค่กุศลจิตสราคจิตที่เป็นอกุศลก็มี เมื่อสติระลึกได้ก็เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยจะประจักษ์ว่าสภาพนั้น ไม่ใช่ตัวตนไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา และเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยจริงๆ เพราะว่า เมื่อมีเหตุปัจจัยให้โลภมูลจิตเกิดโลภมูลจิตก็เกิแต่สติก็เกิดระลึกรู้ "ลักษณะ" ของโลภมูลจิตนั้นว่าเป็นนามธรรมชนิดหนึ่งไม่ใช่ตัวตน เริ่มเจริญทันทีเป็นปกติ
พระธรรมโอวาททั้งหมดก็เพื่อเตือนให้ สติเกิดขึ้น ระลึก รู้ ลักษณะของธรรมะที่กำลังปรากฏในขณะนั้น ตามปกติ ตามความเป็นจริง
ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศลแด่ คุณพ่อ คุณแม่และสรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
กราบขออนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ท่านได้บรรยายพระธรรมที่ยาก และ ลึกซึ้ง ให้ผู้ฟังได้เข้าใจในลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฎในขณะนี้ได้มั่นคงขึ้นๆ กราบอนุโมทนาในกุศลจิตและความเมตตาของท่านค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ