ธรรมทายาท.......แลกจีวร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
[เล่มที่ 26] พระสุตตันตปิฎก สังยุตนิกาย นิทานวรรคเล่มที่ ๒ หน้า ๕๙๔ จีวรสูตร
สมัยต่อมา เราทำผ้าสังฆาฏิแห่งผ้าที่เก่าปลงผมและหนวด นุ่งผ้ากาสวพัสตร์ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตอุทิศเฉพาะ ท่านผู้เป็นพระอรหันต์ในโลกเมื่อบวชแล้วยังเดินไปสิ้นระยะทางไกลได้พบพระผู้มีพระภาคเจ้าระหว่างเมืองราชคฤห์กับบ้านนาลันทคามพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกำลังประทับนั่งอยู ณ พหุปุตตเจดีย์พอพบแล้ว ก็รำพึงอยู่ว่า เราพบพระศาสดาก็เป็นอันพบพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วย
เราพบพระสุคต ก็เป็นอันพบพระผู้มีพระภาคเจ้า เราพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นอันพบพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วย ผู้มีอายุ เรานั้นจึงซบเศียรเกล้าลงกราบแทบพระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ ที่นั้นเอง ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าป็นศาสดาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เป็นสาวก"
เมื่อเรากราบทูลดังนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะเราว่า
"ดูก่อนกัสสปะ ผู้ใดเล่า ยังไม่ทราบชัดถึงสาวกผู้ประมวลมาด้วยจิตทั้งหมดอย่างนี้แล้ว จะพึงพูดว่ารู้ยังไม่เห็นเลย จะพึงพูดว่าเห็น ศรีษะของบุคคลนั้น พึงแตก"
"ดูก่อนกัสสปะ แต่เรารู้อยู่ จึงพูดว่ารู้ เห็นอยู่ จึงพูดว่าเห็นเพราะเหตุนั้นแหละ กัสสปะ เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่าเราจักเข้าไปตั้งหิริโอตตัปปะอย่างแรงกล้าในภิกษุทั้งหลาย ผู้เป็นเถระ ผู้นวกะ ผู้มัชฌิมะ เราจักฟังธรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยกุศลจักกระทำธรรมทั้งหมดนั้น ให้เกิดประโยชน์ ใส่ใจถึงธรรมนั้นทั้งหมด จักประมวลมาด้วยจิตทั้งหมดเงี่ยโสตลงสดับพระธรรม เราจะไม่ละ กายคตาสติ (สติอันเป็นไปในกาย) ที่สหรคตด้วยกุศลความสำราญ
ดูก่อนกัสสปะ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แหละ"
ดูก่อนผู้มีอายุ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงโอวาทเรา ด้วยพระโอวาทนี้แล้วเสด็จลุกไปจากอาสนะ แล้วทรงหลีกไป
ดูก่อนผู้มีอายุ "เราเป็นหนี้ บริโภคก้อนข้าวของราษฎรถึง ๑ สัปดาห์ วันที่ ๘ พระอรหัตตผลจึงปรากฏขึ้น"
คราวนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จหลีกจากหนทาง ตรงไปยังโคนต้นไม้แห่งหนึ่งเราจึงเอาผ้าสังฆาฏิ แห่งผ้าที่เก่า ปูเป็น ๔ ชั้น ถวายแล้วกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งบนผืนผ้านี้เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพระองค์ตลอดกาลนาน"
ดูก่อนอาวุโส พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะเราว่า "กัสสปะ ผ้าสังฆาฏิแห่งผ้าเก่าผืนนี้ อ่อนนุ่ม"
เรากราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญขอพระผู้มีพระภาคเจ้าได้โปรดอนุเคราะห์ทรงรับผ้าสังฆาฏิแห่งผ้าเก่าของข้าพระองค์เกิด"
พระองค์ตรัสว่า "ดูก่อนกัสสปะเธอจักครองผ้าบังสุกุลที่ทำด้วยผ้าป่าน ซึ่งยังใหม่หรือ?"
เราก็กราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์จักครองผ้าบังสุกุล ที่ทำด้วยผ้าป่านผืนใหม่ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ดังนี้"
ดูก่อนอาวุโส "เราได้มอบถวายผ้าสังฆาฏิแห่งผ้าเก่าแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าและได้รับผ้าบังสุกุลที่ทำด้วยผ้าป่าน ซึ่งยังใหม่ของพระผู้มีพระภาคเจ้า"
ดูก่อนอาวุโส "เมื่อบุคคลใดจะพูดให้ถูกพึงพูดบุคคลใดว่าบุตรผู้เกิดแต่อก เกิดแต่พระโอษฐ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า เกิดแต่ธรรมอันธรรมนิมิตแล้วเป็น "ธรรมทายาท" จึงรับผ้าบังสุกุลที่ทำด้วยผ้าป่านซึ่งยังใหม่"
"เขาเมื่อพึงจะพูดให้ถูกพึงพูดถึงผู้นั้น คือเรา ว่าบุตรผู้เกิดแต่อก เกิดแต่พระโอษฐ์ ของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็น "ธรรมทายาท"รับผ้าบังสุกุลที่ทำด้วยผ้าป่าน ซึ่งยังใหม่"
ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศลแด่คุณพ่อ คุณแม่และสรรพสัตว์.
เป็นเราเป็นสาวก แปลว่าผู้ฟัง คือผู้ทีศึกษาธรรมะ การได้ฟังธรรมเป็นสิ่งทีหาฟังได้ยาก จึงเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น และพระธรรมอันตรัสไว้ดีแล้ว ทั้งสงฆ์สาวกผู้ปฏิบัติดีแล้ว มีพระมหากัสสปะ เป็นต้น