นิจศีล....ศีล ๕
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
แนวทางเจริญวิปัสสนา เทปต้นฉบับของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร๋พระพุทธศาสนาครั้งที่ ๓๔๑ บรรยายโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ข้อความต่อไป พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลายหากว่า "โลภะไม่ครอบงำภิกษุนั้น" เป็นไปหากว่าโทสะ โมหะ ข้อความละต่อไป ตลอดจนถึงความริษยาอันชั่วช้า ความปรารถนาอันชั่วช้าย่อมไม่ครอบงำภิกษุนั้น เป็นไปภิกษุนั้น อันบุคคลพึงรู้อย่างนี้ว่า "โลภะ ย่อมไม่มีแก่ท่านผู้รู้ " ฉันใด "ท่านผู้มีอายุนี้ ย่อมรู้ชัด" ฉันนั้น
จบ กายสูตร
ท่านที่จะรู้ธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงมากน้อยอย่างไร พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่เกิดกับท่าน โลภะมีไหม โทสะมีไหม โมหะมีไหม กิเลสอื่น เช่น ความลบหลู่มีไหม ความยกตนเทียมท่านมีไหม ความโกรธมีไหม เหล่านี้ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง
เพราะฉะนั้น สติจะต้องระลึก เพื่อให้ปัญญา รู้ชัด และท่านก็จะทราบได้ว่าบุคคลใด ละกิเลสได้ เพราะเหตุสมควรแก่ผลบุคคลใด ยังละกิเลสไม่ได้ เพราะเหตุยังไม่สมควรแก่ผล ด้วยเหตุนี้ การที่จะละกิเลสจึงเป็นเรื่องที่จะต้องเจริญอบรมจริงๆ
แม้ในเรื่องของกาย วาจา ใจก็ควรจะอบรมให้เป็นกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ซึ่งก็ต้องประพฤติตามศีลที่เป็นกุศลเป็นลำดับขั้น เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้ก็จะได้กล่าวถึง เรื่องศีลเป็นลำดับข้อไป ตั้งแต่ สิกขาบท ที่เป็นนิจศีล คือศีล ๕
ศีล ๕ เป็นเรื่องที่ควรประพฤติปฏิบัติเท่าที่ท่านจะสามารถประพฤติปฏิบัติตามได้
ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศลแด่คุณพ่อ คุณแม่และสรรพสัตว์
หมั่นอบรมปัญญาให้ค่อยๆ เจริญขึ้น ก็จะเห็นคุณของการประพฤติปฏิบัติศีลให้ค่อยๆ บริสุทธิ์ขึ้นด้วยเช่นกัน.....
ขออนุโมทนาค่ะ....
ผู้ที่ทุศีลนั้น เวลาที่ใครพูดถึงเรื่องศีล จิตใจก็ไม่สบาย ขัดเคือง โกรธ กระด้าง แสดงความขัดใจให้ปรากฏ เพราะว่าคนทุศีลก็ย่อมจะไม่เห็นความถึงพร้อมด้วยศีลในตน และย่อมจะไม่ปิติปราโมทย์ ซึ่งมีการถึงพร้อมด้วยศีลเป็นเหตุ
ศีล...เป็นเครื่องประดับที่เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัยค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ภาพสวย โทนสีของภาพและตัวอักษร กลมกลืนกัน ดูแล้วสบายตา มิต้องกล่าวถึงพุทธพจน์ เพราะเยี่ยมยอดอยู่แล้ว ทราบมาว่าคุณปริศนา เป็นผู้ที่วาดรูปและเขียนแบบได้ดีมากคนหนึ่ง จึงได้นำความสามารถนั้น มาใช้ในการนำเสนอ บทความธรรม....
ขออนุโมทนา ครับ
การอบรมเจริญกุศลทุกประการ โดยเฉพาะในชีวิตประจุบันบารมี ๑๐ เป็นสิ่งสำคัญมากเพราะการเจริญกุศลนั้นต้องเจริญทุกประการและอบรมทุกๆ บารมีให้ยิ่งขึ้นจนสามารถเป็นปัจจัยให้ปัญญาเกิดขึ้นดับกิเลสได้เป็นลำดับขั้นจนดับได้เป็นสมุจเฉท ถ้ามุ่งที่จะให้สติเกิดระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏตามปกติตามความเป็นจริงในชีวิตประจำวัน โดยไม่คำนึงถึงการอบรมเจริญบารมี ก็จะต้องพ่ายแพ้ต่ออกุศลธรรม เพราะอกุศลธรรมมีปัจจัยเกิดขึ้นมากกว่ากุศลธรรม
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ