อวิชชา ไม่เป็นคันถะ ไม่เป็นเครื่องผูก
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
แนวทางเจริญวิปัสสนาครั้งที่ ๑๓๕ บรรยายโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ในคันถะ ๔ ได้แก่
อภิชฌากายคันถะ
พยาปาทคันถะ
สีลลัพพัตตปรามาสกายคันถะ
อิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ
คันถะคือเครื่องผูก ผูกไว้ไม่ให้หลุดไปโดยสภาพเจตสิกได้แก่โลภเจตสิก โทสเจตสิก ทิฏฐิเจตสิก แต่อวิชชาหรือโมหะ ไม่เป็นคันถะ ไม่เป็นเครื่องผูก
เรื่องของคันถะ จะเห็นได้ว่า มีโลภเจตสิก เป็นเครื่องผูก มีโทสเจตสิก เป็นเครื่องผูก มีทิฏฐิเจตสิก เป็นเครื่องผูก คือ สีลลัพพัตตปรามาสกายคันถะ และอิทังสัจจาภินิเวสกายคันถะ
ท่านผู้ฟังเคยสงสัยไหมว่า ทำไม โมหะ ซึ่งเป็น "อวิชชา" จึงไม่เป็นเครื่องผูก คือ "คันถะ" อวิชชา เป็น โอฆะ (ทำให้จม) อวิชชา เป็น โยคะ (ตรึงไว้) แต่อวิชชาไม่เป็นคันถะ (เครื่องผูก)
ความเห็นผิด คือทิฏฐิเจตสิก แต่ความไม่รู้ คือโมหเจตสิก เพราะฉะนั้น อวิชชาหรือโมหะนั้น ไม่เป็นเครื่องผูกเพราะเหตุว่า ท่านสามารถที่จะ ศึกษา พิจารณา มนสิการให้เกิดความเข้าใจถูกในข้อประพฤติปฏิบัติแล้วก็ประพฤติปฏิบัติถูกได้ (เจริญสัมมามรรคต่อไปได้)
สภาพธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงจำแนกไว้ เป็นประเภทต่างๆ อย่างละเอียดก็ต้องเป็นสภาพธรรมตามความเป็นจริงของสภาพธรรม ประเภทนั้นๆ
ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศลแด่คุณพ่อ คุณแม่และสรรพสัตว์
ถึงจะไม่นับอวิชชาว่าเป็นคันถะ แต่อวิชชาก็ยังเป็นธรรมมีโทษมาก
สาธุ
อวิชชา (โมหะ) มีโทษมาก คลายช้า
โลภะ มีโทษน้อย คลายช้า
โทสะ มีโทษมาก คลายเร็ว
อวิชชา ไม่ผูกแต่ก็ทำให้ไม่รู้ว่า กำลังถูกผูก
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
โลภะ โทสะ ทิฏฐิ เป็นเครื่องผูก แต่เพราะ อวิชชา จึงหลงยินดีพอใจในการถูกผูกไว้ ไม่เคยรู้ตัวเลย