บันทึกสุดท้าย...จาก ผู้หญิงชื่อเพราะ...บุษบงรำไพ # จบ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น
บันทึกสุดท้าย...จาก บุษบงรำไพ พึ่งบุญ ณ อยุธยา พลวัฒน์ "เป็นเรื่องที่น่าติดตาม เพราะไม่รู้ถึงวันจบเมื่อไหร่? แต่จบ...แน่ๆ !!!"
จบ...บันทึก (หน้า) สุดท้าย...
วันที่ 27 มีนาคม 2551 พฤหัสบดี
โทรขอบคุณผู้มีพระคุณ คุยกันเข้าใจดี จบชีวิตเมื่อไร ก็เมื่อนั้น เพราะเชื่อในคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ เจริญสติแต่ละขณะ ก็จะไม่มีตัวตน มีโทสะ หรือ ทุกขเวทนา ก็เท่านั้น มั่นคงตรงนี้นะ
วันที่ 28 มีนาคม 2551 ศุกร์
ถึงแล้ววันนี้ คือญาติโทรตามตัว ก็ไม่ได้รับสาย เพราะคิดอยู่นานแล้วว่า ไม่อยากให้ใครต้องเดือดร้อนไปด้วย โดยเฉพาะคุณแม่แก่แล้ว อายุ 86 คงจะทรุดไปเพราะดิฉัน สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องปกปิด ความเจ็บเป็นเรื่องธรรมดาโลก แต่ความจริง ก็คือความจริง
วันที่ 30 มีนาคม 2551 อาทิตย์
วานคุณแก้วตา เขียนคำถามท่านอาจารย์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่ใช่เป็นเพียงบัญญัติ แต่คือ ปรมัตถ์ ดีใจ ที่ได้ทำประโยชน์
วันที่ 31 มีนาคม 2551 จันทร์
ได้ข่าวจากญาติว่า จะไม่รบกวนโทรมาอีกแล้ว
วันที่ 3 เมษายน 2551 พฤหัสบดี
ทราบว่าญาติ (พี่สาว) ไปที่บ้านซอยอารี คงคิดจะพบดิฉัน แต่ก็ผิดหวัง
วันที่ 4 เมษายน 2551 ศุกร์
เช้า จึงส่งข่าวหาน้องสาว ให้ช่วยส่งข่าวต่อถึงพี่ น้อง ทุกคน
ต่อจากนี้ เป็นบันทึกจาก พลตรี ดร. วีระ พลวัฒน์
ระหว่างช่วงเวลาวันที่ 17 เมษายน 2551 และต่อมาผลการตรวจของ ร.พ. พบว่ามีน้ำในช่องท้องมากขึ้น วันที่ 12 เมษายน 2551 ได้เจาะช่องท้องเอาน้ำออกไป 200 c.c. ดูอาการว่าท้องนิ่มลง วันนี้ก้อนเนื้อที่เอวขวา คงที่ตามขนาดเดิม มีก้อนที่กระดูกไหปลาร้าอีก แต่มีขนาดคงที่ แพทย์จะเพิ่มยาฉีดอีก ครั้งละ 2 ช.ม. นัดตรวจเลือดอีกในวันที่ 7 พฤษภาคม 2551 อาการทั่วไป BP ต่ำ ลุกมีอาการหน้ามืดแต่ไม่เจ็บปวดอะไร ยาแก้ปวดที่แพทย์ให้ จึงไม่เคยทาน
พลตรี ดร. วีระ พลวัฒน์ แจ้งข่าวอีกครั้งว่า....
เธอจากพวกเราไป เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 20 กรกฏาคม 2551 เวลา 17 น. 42 นาที 46 วินาที อย่างสงบเงียบตามที่เธอได้เคยกล่าวไว้และย้ำอยู่หลายครั้งต่อหน้านายแพทย์หลายท่านที่เกี่ยวข้องและกับคนที่เธอใกล้ชิดที่สุด ทุกๆ ท่านที่เฝ้าเธออยู่ ณ. ที่นั้น ต่างรู้สึก อนุโมทนากับเธอที่มีความสงบจนเกือบไม่สังเกตุว่า เธอจากไปแล้ว นอกจากเมื่อดูที่เครื่อง Monitor หัวใจก็ยังคงมีสัญญาณอยู่อ่อนๆ แล้วค่อยๆ มีช่วงที่เป็นเส้นขาดๆ สัญญาณมีกลับมาแล้วก็หายเป็นเส้นตรง เธอแสดงสิ่งที่เราได้ร่วมกันยกมือขึ้นพนมคารวะ
"เธอรู้ และ เข้าใจธรรมะได้เป็นอย่างดี"
ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ซึ่งขณะนั้นก็อยู่ร่วมเฝ้าเธอจากไปด้วย กล่าวด้วยความเคารพในคุณธรรม ที่เธอแสดงให้เห็นได้
ขอกราบอนุโมทนา
พลตรี ดร. วีระ พลวัฒน์
จบ บันทึกสุดท้าย ของผู้หญิงชื่อเพราะ....
"บุษบงรำไพ พึ่งบุญ ณ อยุธยา พลวัฒน์"
ในตนซึ่งเป็นทางอันตรายนั้นหนอ ต้องมีความพลัดพรากจากกันโดยไม่ต้องสงสัย หมู่สัตว์ที่ยังอยู่ ควรเอ็นดูกัน ส่วนที่ตายไปแล้วไม่ควรเศร้าโศกถึง
(ข้อความบางตอน จาก อนนุโสจิยชาดก)
ขออุทิศกุศล แด่....
คุณ บุษบงรำไพ พึ่งบุญ ณ อยุธยา พลวัฒน์
ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาที่เกื้อกูลเรื่องธรรมะ และอาจหาญร่าเริง ในธรรมะ จวบจนวาระสุดท้าย
สหายธรรม เมื่อชาติก่อนของพี่ ยังคิดถึงพี่บงเสมอ
รูปสุดท้าย ที่ถ่ายด้วยกัน ๓๐ ม.ค.๕๑
สำหรับการที่ทุกท่าน เกิดมาพบกันในแต่ละชาติในสังสารวัฏฏ์ โดยสถานต่างๆ บางชาติก็เป็นเพื่อนฝูง มิตรสหาย บางชาติก็อาจจะเป็นศัตรู หรือบางชาติอาจจะเป็น มารดา บิดา เป็นญาติพี่น้อง แต่ว่าการพบกันในชาติที่เกิ้อกูลเป็นมิตรกันใน พระธรรมหรือว่ามีส่วนร่วมกันเผยแพร่พระธรรม ชาตินั้นก็ต้องเป็นชาติที่ประเสริฐที่สุดในสังสารวัฏฏ์ ยิ่งกว่าชาติอื่นๆ ซึ่งเกิดมาในสถานอื่น
กราบอนุโมทนาคุณป้าที่ทำประโยชน์มากมายในพระธรรมในหนทางที่ถูกต้อง
ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ซึ่งขณะนั้นก็อยู่ร่วมเฝ้า เธอจากไปด้วย กล่าวด้วยความเคารพในคุณธรรม ที่เธอแสดงให้เห็นได้
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอาจารย์ค่ะ
ขออนุโมทนาพี่บุษบงรำไพ พึ่งบุญ ณ อยุธยา พลวัฒน์
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ขอกราบคารวะ และอนุโมทนา ด้วยจิตบริสุทธิ์ ของข้าพเจ้า
ศิริพร ดิลกกุลวัฒนา
เช่นนี้คือ อาจหาญ ร่าเริง ใช่หรือไม่หนอ? แล้วข้าพเจ้าจะตามไป สาธุ
"เธอรู้ และ เข้าใจธรรมะได้เป็นอย่างดี" ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ซึ่งขณะนั้นก็อยู่ร่วมเฝ้าเธอจากไปด้วยกล่าวด้วยความเคารพในคุณธรรม ที่เธอแสดงให้เห็นได้
ดังชื่อของคุณบุษบงรำไพ ดอกบัวที่กำลังแย้มบานต้องแสงอาทิตย์ในยามเช้างดงาม อาจหาญ ร่าเริง เบิกบานในธรรม
ขออนุโมทนาคุณ pannipa.v
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
คุณอา ที่ได้ไปฟังธรรม ที่มูลนิธิฯ ได้เล่าเรื่องราว ของคุณบุษบงรำไพ ให้ฟัง ผนวกกับได้อ่านข้อความข้างต้น รู้สึก ซาบซึ้ง เอิบอาบ ท่านได้แสดง ความอาจหาญ แม้ไม่เคยได้พบ แต่รู้สึก นับถือมากค่ะ
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า :-
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อายุของพวกมนุษย์นี้น้อย จำต้องละไปสู่ปรโลก มนุษย์ทั้งหลายจำต้องประสบความตาย ตามที่รู้กันอยู่แล้ว ควรทำกุศล ควรประพฤติพรหมจรรย์ ไม่มีมนุษย์ที่เกิดมาแล้วจะไม่ตาย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดอยู่นาน ผู้นั้นก็เป็นอยู่ได้เพียงร้อยปีหรือที่เกินกว่าร้อยปี ก็มีน้อย.
ดูก่อนอานนท์ อย่าเลย เธออย่าเศร้าโศก อย่าคร่ำครวญไปเลย ดูก่อนอานนท์ ข้อนั้นเราได้บอกไว้ก่อนแล้ว มิใช่หรือว่า ความเป็นต่างๆ กัน ความพลัดพราก ความเป็นอย่างอื่นจากสัตว์และสังขาร อันเป็นที่รักใคร่พอใจทั้งหลายทีเดียว มีอยู่
ดูก่อน นี้จะพึงได้แต่ที่ไหน สิ่งใดที่เกิดแล้ว มีแล้ว อันปัจจัยปรุงแต่งแล้ว มีความสลายไปเป็นธรรมดา สิ่งนั้นอย่าสลายไปเลย ต่อนั้นไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ เพราะขันธ์ ธาตุ อายตนะ ก่อนๆ แปรปรวนไปเป็นอย่างอื่น ขันธ์ ธาตุและอายตนะหลังๆ ก็ย่อมเป็นไปดังนี้ เพราะฉะนั้น จึงถือว่าการยึดถือนี้มีความพลัดพรากเป็นที่สุดทีเดียว.
บุรุษย่อมสำคัญเบญจขันธ์ใดว่า นี้ของเรา เบญจขันธ์นั้นอันบุรุษนั้น ย่อมละไปแม้เพราะความตาย พุทธมามกะผู้เป็นบัณฑิต รู้เห็นโทษแม้นั้นแล้ว ไม่ควรน้อมไป เพื่อความยึดถือว่าของเรา.
จากชราสุตตนิทเทสที่ ๖
[เล่มที่ 65] พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เล่ม ๕ ภาค ๑
ขออนุโมทนาในกุศลธรรมที่พี่บุษบงรำไพ ได้เห็นประโยชน์ในการฟังพระธรรม และการสนทนาธรรม ตลอดจนกุศลเจตนาที่ได้ให้ความช่วยเหลือสหายธรรมให้เข้าใจธรรม โดยการสอบถามจากท่านอาจารย์สุจินต์และท่านวิทยากร
บุญอันใดที่ดิฉันได้กระทำแล้ว ขอพี่บุษบงรำไพ จงมีจิตโสมนัสยินดีอนุโมทนาด้วยเทอญ
จาก กุลวิไล