ความเสื่อมและความเจริญของปัญญา
ความเสื่อมแห่งโภคะ และความเสื่อมแห่งปัญญา อะไรจะชั่วร้ายกว่า ควรพิจราณาว่าความเสื่อมทั้งหลายนั้น ความเสื่อมแห่งปัญญานั้นชั่วร้ายน่ากลัวที่สุด เพราะเหตุว่าความเสื่อมปัญญานั้นเป็นปัจจัยให้เกิดความเห็นผิด ความเข้าใจผิด ซึ่งเป็นเหตุทำให้การประพฤติปฏิบัติผิด บางคนอาจไม่เห็นโทษเห็นภัยของความเสื่อมแห่งปัญญา ไม่เห็นอันตราย ตามความเป็นจริงแล้ว ความเสื่อมญาติก็ดี ความเสื่อมแห่งโภคทรัพย์ก็ดี เป็นแต่เพียงความเสื่อมในภพชาตินี้ที่เห็นๆ กันอยู่เท่านั้น แต่ความเสื่อมแห่งปัญญานั้นจะเป็นเหตุปัจจัยให้ไปเกิดในทุคติภูมิ เกิดในอบายภูมิ เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน เป็นต้น อันจะเป็นเหตุตัดรอนไม่ให้ปัญญาเจริญขึ้นจนกระทั่งสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้
ในทางกลับกัน ถ้ากล่าวถึงความเจริญ ความเจริญด้วยปัญญา ย่อมประเสริฐที่สุด เลิศที่สุด ถ้าไม่ได้พิจารณาไม่ได้ไตร่ตรอง ก็อาจจะเข้าใจว่าความเจริญด้วยญาติ การเป็นผู้มีญาติมากย่อมจะเป็นประโยชน์เกื้อกูลมาก สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลได้ในยามจำเป็น แต่ถ้าไม่มีปัญญาแล้ว ก็ไม่ประเสริฐเลย เพราะญาติทั้งหลาย ไม่สามารถติดตามไปเกื้อกูลในชาติต่อไปได้ แต่ปัญญาที่มีที่อบรมเจริญในชีวิตประจำวัน ไม่สูญหายไปไหน สะสมสืบต่ออยู่ในจิตทุกขณะ และเป็นที่พึ่งได้อย่างแท้จริง
เรื่องทรัพย์สมบัตินั้นมีได้ก็ย่อมเสื่อมไปได้ แล้วแต่เหตุปัจจัยที่ได้สะสมมา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาได้ แต่เมื่อเสื่อมจากลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ผู้ไม่มีปัญญาย่อมรู้สึกเดือดร้อนมาก แต่ตราบใดที่ยังเป็นผู้เจริญด้วยปัญญา ยังประเสริฐกว่าการมีทรัพย์สมบัติแต่ขาดปัญญาหรือเสื่อมจากปัญญา
ดังนั้น สิ่งที่เป็นสาระ เป็นประโยชน์แก่ชีวิตจริงๆ คือ ปัญญา ความเข้าใจถูก เห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง ที่จะต้องอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ค่อยๆ สะสมความเข้าใจไปตามลำดับ
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่...
ความเสื่อมและความเจริญ [เอกนิบาต]
ขออนุโมทนาค่ะ...