อธิบายการทำกัปปิยะและวัตถุที่ใช้ทำกัปปิยะ [มหาวิภังค์]

 
Khaeota
วันที่  19 มิ.ย. 2553
หมายเลข  16529
อ่าน  12,778

[เล่มที่ 4] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้าที่ 282

อธิบายการทำกัปปิยะและวัตถุที่ใช้ทำกัปปิยะ

ก็การกระทำกัปปิยะในสิกขาบทนี้ บัณฑิตพึงทราบโดยกระแสแห่งสูตรนี้ว่า

ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาต เพื่อบริโภคผลไม้ ด้วยสมณกัปปะ (สมณโวหาร) ๕ คือ ผลที่จี้ด้วยไฟ ที่แทงด้วยมีด ที่จิกด้วยเล็บ ผลที่ไม่มีเมล็ด ที่ปล้อนเม็ดออกแล้ว เป็นที่คำรบ

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อคฺคิปริจิตํ มีอรรถว่า ฉาบ คือ ลวก เผา จี้แล้วด้วยไฟ

บทว่า สตฺถกปริจิตํ มีอรรถว่า จด คือฝาน ตัด หรือ แทงแล้วด้วยมีดเล็กๆ ในข้อว่า จิกด้วยเล็บ ก็นัยนั้นนั่นแล ผลไม้ที่ไม่มีเมล็ดและผลไม้ที่ปล้อนเมล็ดออกแล้ว เป็นกัปปิยะด้วยตัวมันเองแท้

ภิกษุเมื่อจะทำกัปปิยะด้วยไฟ พึงทำกัปปิยะด้วยบรรดาไฟฟืนและไฟโคมัย เป็นต้น อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยที่สุดแม้ด้วยแท่งโลหะที่ร้อน ก็แล วัตถุนั้นจับไว้ข้างหนึ่ง พึงกล่าวคำว่า กัปปิยัง แล้วทำเถิด

เมื่อจะทำด้วยมีด แสดง รอยตัด รอยผ่า ด้วยปลาย หรือด้วยคมแห่งมีดที่ทำด้วยโลหะอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยที่สุดแม้แห่งเข็มและมีดตัดเล็บ เป็นต้น พึงกล่าวว่า กัปปิยัง แล้วทำเถิด

เมื่อจะทำกัปปิยะด้วยเล็บ อย่าพึงทำด้วยเล็บเน่า ก็เล็บของพวกมนุษย์ สัตว์ ๔ เท้ามีสีหะ เสือโคร่ง เสือเหลืองและลิง เป็นต้น และแห่งนกทั้งหลายเป็นของแหลมคม พึงทำด้วยเล็บเหล่านั้น

กีบแห่งสัตว์ มีม้า กระบือ สุกร เนื้อและโค เป็นต้น ไม่คม อย่าพึงทำด้วยกีบเหล่านั้น แม้ทำแล้วก็ไม่เป็นอันทำ

ส่วนเล็บช้าง ไม่เป็นกีบ จะทำกัปปิยะด้วยเล็บช้าง เหล่านั้น ควรอยู่ แต่การทำกัปปิยะด้วยเล็บเหล่าใด สมควร พึงแสดง การตัด การจิก ด้วยเล็บ เหล่านั้น ที่เกิดอยู่ในที่นั้นก็ดี ที่ยกขึ้นถือไว้ก็ดี กล่าวว่า กัปปิยังแล้วกระทำเถิด

บรรดาพืชเป็นต้นเหล่านั้น ถ้าแม้นว่า พืชกองเท่าภูเขาก็ดี ต้นไม้จำนวนพันที่เขาตัดแล้ว ทำให้เนื่องเป็นอันเดียวกันกองไว้ก็ดี อ้อยมัดใหญ่ที่เขามัดรวมไว้ก็ดี เมื่อทำพืชเมล็ดหนึ่ง กิ่งไม้กิ่งหนึ่ง หรืออ้อยลำหนึ่งให้เป็นกัปปิยะแล้ว ย่อมเป็นอันทำให้เป็นกัปปิยะแล้วทั้งหมด

อ้อยลำและไม้ฟืนเป็นของอันเขามัดรวมกันไว้ อนุปสัมบันจะแทงไม้ฟืนด้วยตั้งใจว่า เราจักกระทำอ้อยให้เป็นกัปปิยะ ดังนี้ ก็ควรเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นของที่เขาผูกมัดด้วยเชือกหรือด้วยเถาวัลย์ใด จะแทงเชือกหรือเถาวัลย์นั้น ไม่ควร

ชนทั้งหลายบรรจุกระเช้าให้เต็มด้วยลำอ้อยท่อนแล้วนำมา เมื่อทำอ้อยท่อนลำหนึ่งให้เป็นกัปปิยะแล้ว อ้อยท่อนทั้งหมด ย่อมเป็นอันทำให้กัปปิยะแล้วเหมือนกัน

ก็ถ้าว่า พวกทายกนำภัต ปนกับพริกสุก เป็นต้นมา เมื่อภิกษุกล่าวว่า จงกระทำกัปปิยะ ถ้าแม้นว่า อนุปสัมบัน แทงที่เมล็ดข้าวสวย ก็สมควรเหมือนกัน แม้ในเมล็ดงาและข้าวสารเป็นต้น ก็นัยนั้น นั่นแล

แต่พริกสุก เป็นต้นนั้นที่เขาใส่ลงในข้าวต้ม ไม่ตั้งอยู่ติดเนื่องเป็นอันเดียวกัน บรรดาพริกสุกเป็นต้นนั้น พึงทำกัปปิยะแทงที่ละเมล็ดนั่นเทียว

เยื่อในแห่งผลมะขวิด เป็นต้น ร่อนเปลือกแล้วคลอนอยู่ (หลุดจากกะลาคลอนอยู่ข้างใน) ภิกษุพึงให้ทุบแล้ว ให้ทำกัปปิยะ (ถ้า) ยังติดเนื่องเป็นอันเดียวกัน (กับเปลือก) จะทำ (กัปปิยะ) แม้ทั้งเปลือก (ทั้งกะลา) ก็สมควร


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ