เหตุผลของการล่วงศีล
เป็นธรรมดาของผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบก็ต้องการรักษาศีล 5 ข้อ ให้ครบ แต่ในความเป็น
จริงในบางครั้งก็อาจจะรักษาศีลไม่ครบ อย่างเช่น ศีลข้อ 1 ห้ามฆ่าสัตว์ จริงอยู่เรามอบ
ความรักความเมตตาปราณีแก่สัตว์ที่เราพบเห็น แต่ในบางครั้ง สัตว์เหล่านั้นก็จะทำร้าย
เราซึ่งเราก็ต้องกันป้องกันตัวเองจนพลาดพลั้งไปทำร้ายเขาถึงแก่ชีวิต ศีลข้อ 4 ห้าม
พูดปด ในบ้างครั้งเราก็ไม่อยากจะพูดปดหรอก แต่เราต้องโกหกเพื่อให้ผู้อื่นสบายใจ
และไม่ให้ผู้ต้อง ทะเลาะกัน ศีลข้อ 5 ห้ามดื่มสุรา ด้วยหน้าที่การงานและสังคม จำเป็น
ต้องดื่มสุรา ในความคิดคิดว่า ศีล 5 ข้อเป็นกฎระเบียบอย่างหนึ่งที่จะให้บุคคลต่างๆ
เป็นคนดีแต่เมื่อมีการ ล่วงศีลไปแล้วด้วยความจำเป็นก็อย่าไปทุกข์เลย ก็ขอแค่ให้ล่วง
ศีลให้น้อยที่สุดน่าจะดีนะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ศีล คือ ความประพฤติที่ดีงาม ที่เป้นไปในทางกายและวาจา ศีลมีได้เพราะมีสภาพ
ธรรมที่มีจริงที่เป้นจิตและเจตสิก
เหตุผลของการล่วงศีล ไม่วาจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามก็เพราะมีสภาพธรรมที่มีจริง คือ
สภาพธรรมที่ไม่ดี คือ กิเลสทีเป็นเจตสิกและจิตที่เป็นอกุศลนั่นเองอันเป็นเหตุใหมีการ
ล่วงศีล ถ้าไม่มีสภาพธรรมที่ไม่ดี ก็จะไม่มีการล่วงศีล 5 ได้เลยครับ ดังนั้นในขณะที่ล่วง
ศีล ขณะนั้นมีจิตที่เป็นอกุศลเกิดขึ้น และมีการล่วงออกมาทางกายและวาจา ไม่ว่าด้วย
เหตุผลอะไรก็ตามในขณะนั้น แต่สภาพธรรมทั้งหลายไม่เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุผล
หรือ ความคิดนึก ดังนั้นสภาพธรรมที่เป็นสัจจะ จึงตรง กุศล เป็นกุศล และ อกุศลก็ย่อม
เป็นอกุศลเช่นกันครับ
การล่วงศีลจึงมีได้เพราะความเป็นผู้ที่มีกิเลสที่สะสมมามากและความเป็นปุถุชนเมื่อมี
เหตุปัจจัยพร้อม ก็ย่อมมีการประพฤติล่วงศีลเกิดขึ้นได้ครับ เพราะผู้ที่จะไม่ล่วงศีล 5
อีกเลยคือถึงความเป็นพระโสดาบันครับ
พระพุทธเจ้าตรัสรู้สัจจะความจริง พระองค์ทรงแสดงว่า ความเป็นคนดี ไม่ใช่วัดเพียง
ศีลเท่านั้นครับ เพราะพระพุทธศาสนา ไม่ได้จบหรือสอนเพียงแค่เรื่องของศีล แต่แสดง
เหตุของทุกข์ ต้นตอ สมุทัยและแสดงหนทางดับทุกข์ อันเป็นเรื่องของปัญญาอย่างแท้
จริง เพราะศีลก็ไม่สามารถละเหตุแห่งทุกข์ที่เป็นกิเลสได้ เพียงการไม่แสดงออกมาทาง
กายและวาจา งดเว้นทางกายและวาจา แต่ใจขณะนั้นเป็นอย่างไร ก็ยังเต็มไปด้วยกิเลส
และเมื่อมีเหตุปัจจัยก็พร้อมที่จะล่วงศีลอีกได้ เพราะเหตุ คือ จิตใจเต็มไปด้วยกิเลส
นั่นเองครับ
เรื่องศีล จึงไม่ใช่แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา เป็นเพียง สะเก็ดของต้นไม้ ไม่ใช่แก่น
ของต้นไม้ แต่พระองค์แสดงแก่นแท้คือเรื่องของปัญญาที่สามารถละกิเลสที่เป็นเหตุ
ของทุกข์ได้อย่างแท้จริงครับ ดังนั้นการฟังพระธรรม เมื่อปัญญาเจริญขึ้น ศีลก็จะค่อยๆ
ดีขึ้นตามกำลังของปัญญา เพราะเห็นโทษของกิเลสมากขึ้น และเมื่อปัญญาเจริญจน
ถึงการดับกิเลสได้เป็นพระอริยเจ้าก็ไม่มีการล่วงศีล 5 อีกเลย เพราะฉะนั้น ศีล 5 จะ
บริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญานั่นเองครับ ปัญญาจึงเป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา ไม่ใช่
เพียงแค่ศีลเท่านั้นครับ
ดังนั้นเมื่อล่วงศีลแล้ว ตามที่เจ้าของกระทู้กล่าวว่า การล่วงศีลไปแล้วด้วยความจำ
เป็นก็อย่าไปทุกข์เลย ก็ขอแค่ให้ล่วงศีลให้น้อยที่สุดน่าจะดีนะ
การไม่ทุกข์เดือดร้อนในสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความดีครับ แต่เมื่อล่วงศีลแล้ว ก็ควร
พิจารณาด้วยปัญญาด้วยความเห็นโทษของอกุศลธรรม การล่วงศีลและสำรวมระวังต่อ
ไปอันเกิดจากปัญญาที่เห็นโทษนั่นเอง นี่คือประโยชน์ของการล่วงศีลแล้วพิจารณาถูก
ต้องครับ
ดังนั้นจะล่วงศีลมากหรือน้อยนั้น ไม่มีเราที่จะไปจัดการได้ครับ แต่เป็นไปตามเหตุ
ปัจจัยและหน้าที่ของธรรม กำลังปัญญาที่มีแตกต่างกันไปก็ทำให้มีการล่วงศีลมากหรือ
น้อยแตกต่างกันไปครับ ซึ่งในพระไตรปิฎก็มีตัวอย่างของผู้ที่ก่อนเป็นพระอริยเจ้าท่านก็
ล่วงศีลในชาตินั้นบ่อยๆ แต่ก็ได้บรรลุธรรม ดังนั้นการบรรลุธรรมได้ ไม่ใช่เพียงแค่ศีล
เท่านั้น เป็นเรื่องของปัญญา เพราะฉะนั้น เมื่อในชีวิตประจำวันเป็นอย่างนี้ เป็นไปตาม
เหตุปัจจัยของกำลังกิเลส แต่ก็ไม่ทิ้งและไม่ลืมที่จะอบรมปัญญาศึกษาพระธรรมไปด้วย
เพราะการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมเท่านั้น ที่เกื้อกูลการเจริญขึ้นของปัญญา และ
ปัญญานี้เองที่จะทำใหน้าที่ละกิเลสและให้ถึงการไม่ล่วงศีลอีกต่อไปครับ ขออนุโมทนา
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ศีลเป็นเรื่องปกติจริงๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่พ้นไปจากความประพฤติเป็นไปทาง
กาย วาจา ของแต่ละบุคคล ในแต่ละวันจิตใจเป็นอกุศลหรือเป็นกุศลมากน้อย
เท่าใด ถ้ามีการล่วงศีล มีการกระทำทุจริตกรรมประการต่างๆ ก็เป็นเครื่องแสดงว่า
กิเลสหนาแน่นมากทีเดียว การรักษาศีล เป็นการขัดเกลาจิตใจของตนให้เบาบางจากกิเลส แม้ว่ายังไม่ได้ดับกิเลสหมดเป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) ก็จริง แต่ก็เป็นการอบรมจิตใจให้เบาบางจากกิเลสอกุศลได้ในชีวิตประจำวัน ถ้าจะพิจารณาตามความเป็นจริงแล้วในชีวิตประจำวัน ที่ศีลขาด บ่อยๆ นั้น สาเหตุหลักก็เพราะยังมีกิเลส ยังมากไปด้วยกิเลสประการต่างๆ เพราะผู้ที่ล่วงศีลอยู่ คือ ยังเป็นปุถุชน ไม่ใช่พระอริยบุคคล เนื่องจากว่า พระอริยบุคคล ท่านจะไม่ล่วงศีล ๕ เลย ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม กิเลสที่มีมากอย่างนี้ ต้องอาศัยปัญญาเท่านั้น จึงจะละหรือดับได้ โดยเริ่มจากการฟัง การศึกษาพระธรรมในแนวทางที่ถูกต้อง สะสมปัญญาเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าเมื่อมีความเข้าใจมากขึ้น จะทำให้มีการรักษาศีลได้ดียิ่งขึ้น ทำให้การล่วงศีลลดน้อยลง เป็นผู้มีความละอาย และความเกรงกลัวต่อบาปมากขึ้น พร้อมทั้งทำให้เห็นโทษโดยความเป็นโทษ แล้วมีความสำรวมระมัดระวังที่จะประพฤติปฏิบัติในทางที่ดีงามต่อไป ความเข้าใจพระธรรมเท่านั้น ที่จะเกื้อกูลได้จริงๆ ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...