ทุกคำในพระไตรปิฎกก็คือ ขณะนี้
ทุกคำในพระไตรปิฎกนั้น ทุกคำ เป็นพระราชดำรัส ที่แสดงให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏ เป็นความจริงซึ่งเป็นธรรมะ เป็นพระอภิธรรม ก็คือขณะนี้ ในชีวิตประจำวัน มีเห็น มีได้ยิน ... มีคิดนึก ทุกอย่างเป็นธรรมะแต่ละอย่าง เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนเลยแม้แต่ขณะเดียว ที่เคยคิดว่าเป็นบุคคลต่างๆ นั้น แท้จริง ทุกคนนั้นเป็นอภิธรรม เป็นแต่เพียงจิต เจตสิกและรูป เท่านั้น ถ้าไม่มีจิต เจตสิกและรูป บุคคลต่างๆ ก็ไม่มี เราก็ไม่มี
ทุกคำในพระไตรปิฎกเป็นอภิธรรมทั้งหมด ไม่ว่าปิฎกไหน ก็ไม่พ้นจากสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ พระอภิธรรมปิฎก ทรงแสดงสิ่งที่มีจริง จิต เจตสิก รูป ก็คือ ขณะนี้เองในชีวิตประจำวันมี จิตเห็น จิตได้ยิน กุศลจิต อกุศลจิต ... จิตประเภทต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นไปแต่ละขณะ ไม่มีใครจะบังคับให้จิตประเภทใดเกิดขึ้นได้เลย เพราะแต่ละขณะเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัย สำหรับพระสุตตันตปิฎกนั้น ทรงแสดงถึงบุคคลต่างๆ ซึ่งก็ไม่พ้นจากจิต เจตสิกและรูป ในส่วนของพระวินัยปิฎก ทรงบัญญัติข้อประพฤติปฏิบัติสำหรับพระภิกษุ เพื่อเป็นการขัดเกลากิเลสยิ่งๆ ขึ้น ทั้งหมดก็ไม่พ้นจากสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ ก็คือ จิต เจตสิกและรูป ทรงเตือนให้รู้ว่าพระธรรมนั้นลึกซึ้ง ละเอียด รู้ตามได้ยาก ไม่ประมาทที่จะศึกษาพระธรรม พิจารณาไตร่ตรองให้เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูกว่าแต่ละขณะเป็นธรรมทั้งหมด ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนใดๆ ทั้งสิ้น
ต้องเข้าใจธรรม และสำคัญที่สุดคือ ขณะนี้ เพราะสิ่งที่มีจริงคือ ขณะนี้ที่กำลังปรากฏ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ อย่างยิ่งค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรม ทุกคำ ที่ได้ยินได้ฟัง ฟังซ้ำๆ แล้วๆ เล่าๆ ก็ไม่พ้นไปจากการฟังในเรื่องของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ซึ่งถ้าไม่ฟังพระธรรมเลย ย่อมไม่มีทางที่จะเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ได้เลย ครับ
...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตา และทุกๆ ท่านด้วยครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ฟังพระธรรมแล้วพิจารณาจนกว่าจะเกิดปัญญาความเห็นถูกว่า
"ทุกขณะไม่มีตัวตน ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคลมีแต่สภาพธรรมที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไป แล้วแต่เหตุ แล้วแต่ปัจจัย"
"ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา"
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตา และทุกๆ ท่านด้วยครับ...