สงสัยสำรวมอินทรีย์

 
พงศ์ศิริ
วันที่  31 มี.ค. 2556
หมายเลข  22708
อ่าน  15,502

สำรวมอินทรีย์หมายความว่าอย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 31 มี.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก่อนอื่นก็เข้าใจธรรม ในคำนั้นอย่างละเอียดก่อนครับ คำว่า อินทรีย์สำรวม หรือสังวรอินทรีย์ ในส่วนของ อินทรียสังวรศีล หรือ สำรวมอินทรีย์ อินทรีย์ในที่นี้ คือ สภาพธรรมที่เป็นใหญ่ในธรรม คือ อินทรีย์ นั้น คือ ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจเป็นอินทรีย์ ๖ ประการ ที่เป็นใหญ่ ๖ ประการ คือ เป็นใหญ่ ในการรู้กระทบสิ่งที่ปรากฏทางตา กระทบเสียง กระทบกลิ่น กระทบรส กระทบสิ่งที่กระทบสัมผัส และเป็นใหญ่ในการคิดนึก และรู้สิ่งต่างๆ ครับ นี่คือ อินทรีย์ ๖ ประการ ตามนัยของอินทรียสังวรศีล

ส่วนการสังวร การสำรวมนั้น เป็นการสังวร ด้วยกุศลธรรม คือ ด้วย สติ ขันติ ปัญญา วิริยะ เป็นต้น ดังนั้น การสำรวม การสังวร จึงไม่ใช่ด้วยการเดินดูภายนอกที่สำรวมจึงจะเป็นสังวร แต่การงดเว้นจากอกุศล คือ อกุศลไม่เกิด เมื่อได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส และกระทบสัมผัส คิดนึก ก็ไม่เป็นอกุศล เพราะกุศลธรรมเกิดขึ้น คือ สติและปัญญาเกิดขึ้นในขณะนั้น ชื่อว่า สังวร สำรวม ในขณะนั้นครับ

อินทรียสังวร จึงเป็น การสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ ด้วยสติและปัญญาเกิด รู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ขณะที่เห็น อกุศลไม่เกิด กุศลเกิด เพราะรู้ความจริงว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราในสิ่งที่เห็น ขณะนั้นเป็นการสำรวมตา เป็นการสังวรทางตา ขณะที่ได้ยินเสียง ก็รู้ความจริงว่า เสียงเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา อกุศลไม่เกิด แต่กุศลที่ประกอบด้วยปัญญาเกิด เป็นการสังวร สำรวมทางหู ทางทวารอื่นๆ คือ จมูก ลิ้น กายและใจ ก็โดยนัยเดียวกันครับ

อินทรียสังวร จึงเป็นเรื่องของสติและปัญญาที่รู้ความจริงของสภาพธรรม ที่ปรากฏทางทวาร ทั้ง ๖ ที่ เป็นทาง ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ ในชีวิตประจำวัน โดยไม่เป็นอกุศล แต่เป็นกุศลเกิดแทนเพราะรู้ความจริงในสิ่งที่ปรากฏทั้งทางทวารทั้ง ๖ ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา

[เล่มที่ 11] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑- หน้าที่ 319

อินทรีย์สังวร

(๑๒๒) มหาบพิตร อย่างไร ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้หลาย.มหาบพิตร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เห็นรูปด้วยจักษุแล้ว ไม่ถือนิมิต ไม่ถืออนุพยัญชนะ เธอย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมจักขุนทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวมแล้วจะเป็นเหตุให้อกุศลธรรมอันลามกคืออภิชฌาและโทมนัสครอบงำนั้น ชื่อว่า รักษาจักขุนทรีย์ ชื่อว่าถึงความสำรวมในจักขุนทรีย์ ภิกษุฟังเสียงด้วยโสต....ดมกลิ่นด้วยฆานะ......ลิ้มรสด้วยชิวหา.....ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย.....รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว ไม่ถือนิมิต ไม่ถืออนุพยัญชนะ เธอย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมมนินทรีย์ ที่เมื่อไม่สำรวมแล้ว จะเป็นเหตุให้อกุศลธรรมอันลามกคือ อภิชฌาและโทมนัสครอบงำนั้น ชื่อว่า รักษามนินทรีย์ ชื่อว่า ถึงความสำรวมในมนินทรีย์ ภิกษุประกอบด้วยอินทรีย์สังวรอันเป็นอริยะเช่นนี้ ย่อมได้เสวยสุขอันไม่ระคนด้วยกิเลสในภายใน มหาบพิตร ภิกษุชื่อว่า เป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ด้วยประการดังกล่าวมานี้แล.

ความเป็นผู้สำรวมด้วยจักษุ คือ เมื่อมีการเห็นเกิดขึ้น ปัญญาย่อมพิจารณาในสิ่งที่เห็นในสภาพธรรมที่เกิดขึ้นว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ขณะนั้นอกุศลธรรมไม่เกิด แต่ปัญญาเกิดรู้ตามความเป็นจริงจึงชื่อว่าเป็นผู้สำรวมด้วยจักษุ ใจนั้นเอง ที่ไม่เป็นไปด้วยอำนาจกิเลส อันอาศัยตา ครับ ความเป็นผู้สำรวมด้วยจักษุจึงไม่ใช่เพียงอาการภายนอกว่าดูสำรวม ไม่มองสิ่งใด แต่สำคัญที่ปัญญาเมื่อเห็นสิ่งใดแล้วรู้ความจริงและจิตเป็นอย่างไร สำรวม สังวร จึงเป็นเรื่องของปัญญา เพราะฉะนั้นการอบรมปัญญาคือ การเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา จึงชื่อว่าเป็นผู้สำรวมด้วยจักษุ หรือ สำรวมด้วยอินทรีย์ สำรวมในจักขุนทรีย์

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ใฝ่รู้
วันที่ 31 มี.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
boonpoj
วันที่ 31 มี.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 31 มี.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จะต้องมีความมั่นคงในความเป็นจริงของสภาพธรรม ว่าเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น บังคับให้เกิดขึ้นเป็นไปตามใจชอบไม่ได้ แต่เกิดเพราะเหตุปัจจัย

อินทรีย์ในที่นี้ หมายถึง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ ปกติในชีวิตประจำวัน เมื่อมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ จึงมีการรู้อารมณ์ต่างๆ ทางทวารต่างๆ มีจิตเกิดขึ้นเป็นกุศลบ้าง เป็นอกุศลบ้างตามการสะสม หลังเห็น หลังได้ยิน เป็นต้น และโดยภาวะของความเป็นปุถุชนแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในเพศใดก็ตาม อกุศลจิตย่อมเกิดขึ้นมากกว่ากุศล เมื่อเป็นเช่นนี้ ขณะที่ไม่สำรวม หรือขณะที่ไม่สังวร จึงมีมาก เพราะอกุศลเกิดมากทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และ ทางใจ แต่ที่จะเป็นอินทรีย์สังวร การสำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ได้นั้น ต้องเป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญา ที่มีการระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ไม่ว่าจะประสบกับอารมณ์ใดๆ ทางทวารต่างๆ ใน ๖ ทวาร ขณะนั้นสติและปัญญาเกิดขึ้นระลึกรู้ตามความเป็นจริง เป็นการปิดกั้นไม่ให้อกุศลเกิดขึ้น

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า อินทรีย์สังวร หมายถึง สำรวมทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ซึ่งก็คือสำรวม ด้วยสติที่ระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ตามปกติ ตามความเป็นจริง ไม่ใช่การจงใจที่จะไปยืนสำรวม ไปเดินสำรวม แต่ไม่ระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฎตามปกติตามความเป็นจริง อินทรีย์สังวร เป็นกุศลธรรม เป็นธรรมฝ่ายดีที่เกิดขึ้นเป็นไป ขณะนั้นมีความเป็นปกติที่เป็นกุศล ระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง กุศลจิตเกิดขึ้นประกอบด้วยโสภณธรรมต่างๆ มีศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ เป็นต้น รวมถึง ปัญญา ด้วย เป็นกุศลแล้วในขณะนั้น อันมีพื้นฐานความเข้าใจในเรื่องของสภาพธรรมที่มีจริง จากการได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 31 มี.ค. 2556

การสำรวมอินทรีย์ คือ การสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เช่น กายไม่คะนอง วาจาก็ไม่พูดส่อเสียด ไม่ว่าร้ายใคร ใจคิดในทางกุศล ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
sumano
วันที่ 31 มี.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
daris
วันที่ 31 มี.ค. 2556

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
natural
วันที่ 1 เม.ย. 2556

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Wisaka
วันที่ 1 เม.ย. 2556

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของ คุณคำปั่น และคุณผเดิม มากมากค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
พงศ์ศิริ
วันที่ 8 เม.ย. 2556

ข้อที่ต้องเข้าใจให้มั่นคง คือ "ต้องเป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญา ที่มีการระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ไม่ว่าจะประสบกับอารมณ์ใดๆ ทางทวารต่างๆ ใน ๖ ทวาร ขณะนั้นสติและปัญญาเกิดขึ้นระลึกรู้ตามความเป็นจริง เป็นการปิดกั้นไม่ให้อกุศลเกิดขึ้น" จึงเกิดการสำรวมอินทรีย์ ถูกต้องไหมคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
paderm
วันที่ 8 เม.ย. 2556

เรียน คุณ พงศ์ศิริ ถูกต้อง ครับ

ขออนุโมทนาในความเห็นถูก

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
พงศ์ศิริ
วันที่ 10 เม.ย. 2556

ขอบพระคุณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
boonpoj
วันที่ 17 เม.ย. 2556

การสำรวมอินทรีย์ คือ การสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ โดยการใช้ สติ ปัญญา นึกคิดกับทุกสิ่งที่เกิดรอบตัวเรา ว่าเป็นธรรมไม่ใช่ตัวเรา อย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ไปบังคับหรือเก็บกด ไม่ให้ดู ไม่ให้ฟัง สิ่งที่ได้เห็น ได้ยิน เพราะถ้าไม่สำรวมอินทรีย์ พอได้เห็น ได้ยิน ก็จะเกิดกิเลส อกุศล ขึ้นมาอีก ใช่ไหมครับ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
paderm
วันที่ 17 เม.ย. 2556

เรียนความเห็นที่ 13 ครับ

ถูกต้อง ครับ

ขออนุโมทนาในความเห็นถูก

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
ประสาน
วันที่ 14 มิ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
orawan.c
วันที่ 26 มิ.ย. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
chatchai.k
วันที่ 9 มิ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
Sea
วันที่ 28 ก.พ. 2565

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
สิริพรรณ
วันที่ 16 ธ.ค. 2565

เช้านี้ได้อ่านเถระคาถาเรื่องนี้ จากเว็บนี้ จึงได้ค้นหาอ่านเพิ่มเติม จากกระทู้นี้ และเสียงท่านอาจารย์ สนใจฟังและอ่านได้ จากลิ้งนี้ค่ะ

สำรวมคืออย่างไร

กราบขอบพระคุณ ยินดีในกุศลทุกท่านค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ