เรื่อยเฉื่อย


    ผู้ถาม อาจารย์บอกว่าด้วยความเป็นตัวตน ผิดปกติ มีความเป็นตัวตนที่เหนียวแน่นมากๆ

    สุ. มีความเป็นตัวตนที่เหนียวแน่นมากๆ ขณะไหน ต้องแยกเป็นจิตแต่ละขณะ

    ผู้ถาม เป็นปกติ ความเป็นตัวตน เดี๋ยวเราต้องเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวเราต้องไปกินอาหาร เดี๋ยวเราๆ ๆ อยู่ตลอดเวลา

    สุ. นี่ยังไม่ได้ฟังพระธรรม ถ้าฟังพระธรรม เป็นจิตแต่ละขณะ ที่จะกล่าวได้ว่าขณะไหนมีโลภะ ขณะไหนมีโทสะ ขณะไหนมีโมหะ ขณะไหนมีการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน ข้อสำคัญที่สุดคือ ฟังแล้วเข้าใจ ไม่ต้องไปนึกถึงคำอะไรทั้งหมดเพราะว่าคำจริงอยู่ในพระไตรปิฎกทั้งหมด แล้วแต่รูปประโยคของภาษา แต่ว่าเป็นคำจริง เพราะว่าพูดถึงเรื่องจริง เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจก็คือเข้าใจสิ่งที่กำลังมี สิ่งที่กำลังมีทรงแสดงไว้ทั้งหมดให้ได้เข้าใจขึ้น

    ผู้ถาม อาการท้อถอย แต่ไม่ได้ท้อถอย เรื่อยเฉื่อยไปเรื่อยๆ

    สุ. ผู้ที่มาฟังธรรมมีหลายอัธยาศัย จริงๆ ต้องเป็นอย่างนี้ด้วย แม้ว่าจะกล่าวว่าจิตทั้งหมดมี ๘๙ ประเภท หรือโลภะก็มี ๘ โทสะมี ๒ โมหะมี ๒ ความละเอียดแตกแยกมากมายมหาศาล นับจำนวนไม่ได้เลย แต่ก็ประมวลเป็นจำนวนเท่านี้ เพราะฉะนั้นอัธยาศัยของแต่ละคนที่ฟังธรรมต่างกัน แล้วใครจะไปเร่งรัดบุคคลที่อาจจะเรื่อยเฉื่อยให้หายเรื่อยเฉื่อยก็คงจะไม่ได้ นอกจากการค่อยๆ เข้าใจแล้วก็เห็นประโยชน์เป็นการปรุงแต่งของสภาพธรรมจริงๆ บางท่านๆ ก็ฟังทางวิทยุบ้าง บางท่านๆ ก็ฟังทางเอ็มพี ๓ ทางเทป แต่ท่านก็ไม่มา เพราะว่าวันอาทิตย์ก็มีหลายแห่งใช่ไหม ท่านก็ไปเย็บปักถักร้อย จัดดอกไม้ ทำอาหารหรืออะไรๆ


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 179


    หมายเลข 10045
    3 ก.ย. 2567