โต๊ะมีโอชารูปด้วยหรือไม่
ผู้ถาม รูปกลาปหนึ่งประกอบด้วยโอชารูป ก็เลยสงสัยว่าโต๊ะ เก้าอี้จะมีโอชารูปด้วยไหม
อ.ธิดารัตน์ โอชารูป ก็คือรูปที่อยู่ในกลุ่มของอวินิพโภครูป ๘ ซึ่งไม่สามารถจะแยกกันได้เลย รูปที่ไม่สามารถจะแยกกันได้เลยก็มี ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม สี กลิ่น รส แล้วก็โอชารูป ทุกกลุ่มทุกกลาปจะต้องมี ๘ รูปนี้ ไม่ว่าจะเป็นที่โต๊ะ ที่เก้าอี้ หรือว่าที่ตัวเรา แต่ที่ตัวเราจะมีรูปที่มากกว่า มีกลุ่มที่มากกว่า ๘ ก็คือกลุ่มที่เป็น ๑๐ รูป รูปที่เกิดจากกรรมจะไม่มีแค่ ๘ จะมี ๑๐ จะเพิ่มชีวิตินทริยรูป อย่างเช่นจักขุปสาทก็จะมีจักขุปสาทรูปก็เป็นกลุ่มที่มี ๑๐ ซึ่งเกิดจากกรรม เกิดจากกรรมจะต้องมีชีวิตินทริยรูปเพิ่มขึ้น จักขุปสาท กายปสาท ฆานปสาทต่างๆ ปสาทรูปทั้ง ๕ จะมี ๑๐ แต่ส่วนรูปอื่นๆ ที่เกิดจากอุตุเป็นสมุฏฐานไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอกจะมี ๘ รูป ทุกกลุ่มจะต้องมีโอชารูป อย่างแม้กระทั่งอาหารที่เราทานเข้าไป อาหารจะมี ๘ รูป ก็จะมีโอชารูปอยู่ในกลุ่มของอาหาร เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วก็มีธาตุไฟที่เกิดจากกรรมทำการย่อย โอชารูปจะเป็นปัจจัยให้เกิดอาหารชรูปก็คือรูปใหม่ โอชารูปจะเป็นรูปที่เป็นปัจจัยให้เกิดรูปใหม่โดยเป็นอาหารปัจจัย
สุ. ไม่รับประทานอาหารเลยได้ไหม
ผู้ถาม ไม่ได้
สุ. เพราะอะไร
ผู้ถาม เพราะว่าอาหารเป็นส่วนประกอบของรูปด้วย
สุ. ทุกคนลองไม่รับประทานก็รู้ได้เลย อยู่ไม่ได้ หิวมาก ทีละมื้อทีละวัน ไปจนกระทั่งหลายวัน ในที่สุดก็ต้องตายถ้าขาดอาหาร เพราะฉะนั้นอาหารก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่จำเป็นการที่จะให้รูปทั้งหมดที่เกิดร่วมกันดำรงอยู่ได้ แล้วรูปนี้อยู่ที่ไหน ธรรมดารูปไม่ว่าจะเป็นรูปใดๆ ทั้งสิ้นก็จะต้องมีมหาภูตรูป ๔ คือรูปที่เป็นใหญ่เป็นประธานของรูปอื่นทั้งหมด ถ้ารูป ๔ รูปนี้ไม่มี รูปอื่นมีไม่ได้เลย และการที่มี ๔ รูปเพราะเหตุว่าทั้ง ๔ ต่างอาศัยซึ่งกัน และกัน รูป ๔ รูปซึ่งเป็นใหญ่เป็นประธานก็คือ ธาตุดิน ๑ ธาตุน้ำ ๑ ธาตุไฟ ๑ ธาตุลม ๑ เมื่อวานนี้เรียนแล้วไม่ต้องอธิบายอีกใช่ไหม ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม เป็นมหาภูตรูป ๔ เพราะฉะนั้นรูปอื่นๆ ทั้งหมดที่กล่าวไว้ว่ารูปที่เป็นปรมัตถ์มี ๒๘ อีก ๒๔ รูปก็ต้องอาศัยมหาภูตรูป ๔ นี่เอง เพราะฉะนั้นโอชารูปเป็น ๑ ใน ๒๘ รูป จะเกิดโดยไม่อาศัยมหาภูตรูป ๔ ได้ไหม
ผู้ถาม ไม่ได้
สุ. เสียง เกิดโดยไม่อาศัยมหาภูตรูป ๔ ได้ไหม
ผู้ถาม ไม่ได้
สุ. รส เกิดโดยไม่ได้อาศัยมหาภูตรูป ๔ ได้ไหม
ผู้ถาม ไม่ได้
สุ. กลิ่น เกิดโดยไม่ได้อาศัยมหาภูตรูป ๔ ได้ไหม
ผู้ถาม ไม่ได้
สุ. นี่คือให้เข้าใจอย่างมั่นใจ อย่างมั่นคง เป็นความรู้ของเราซึ่งปฏิเสธไม่ได้ ใครจะถามวันไหน เดือนไหน ปีไหน ถ้าเราเข้าใจมหาภูตรูป ๔ ว่าได้แก่ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม รูปอื่นๆ ก็อาศัยเกิดกับมหาภูตรูป เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีมหาภูตรูป ๔ รูปอื่นเกิดไม่ได้เลย และทั้ง ๔ ก็ต่างอาศัยซึ่งกัน และกัน เพราะว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่จะเกิด โดยไม่อาศัยสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ได้เลย ธาตุดิน อาศัยธาตุอะไรเกิด
ผู้ถาม น้ำ ลม ไฟ
สุ. ถูกต้อง เห็นไหม เป็นความเข้าใจของเรา ต้องให้คนอื่นสอน หรือเราคิดได้ เพราะว่าเราฟังแล้วเข้าใจแล้วว่ามหาภูตรูป ๔ ต้องเกิดพร้อมกัน และต่างอาศัยซึ่งกัน และกัน ธาตุไฟ อาศัยธาตุอะไรเกิด
ผู้ถาม ดิน น้ำ ลม
สุ. ธาตุลม อาศัยอะไรเกิด
ผู้ถาม ดิน น้ำ ไฟ
สุ. ก็ไม่ยากใช่ไหม ถ้าเข้าใจ แต่ไม่เห็น ตามความเป็นจริง ไม่ได้รู้ลักษณะ เพียงแต่กำลังรู้เรื่องของสิ่งที่มีอยู่ที่ตัวตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า และไม่ว่าที่ไหนก็ตามที่มีรูปจะขาดมหาภูตรูปทั้ง ๔ ไม่ได้เลย เพียงแต่ว่าอะไรปรากฏ มหาภูตรูป ๔ ปรากฏเมื่อไหร่ อันนี้ก็ต้องศึกษาละเอียดหน่อย เพราะว่า ๓ รูปจะปรากฏได้เมื่อกระทบกาย แต่อันนั้นก็ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ เข้าใจ แต่ตอนนี้เข้าใจพอสมควรแล้วนะ รส เป็นโอชารูปหรือเปล่า เพราะฉะนั้นรูปทั้งหมดมี ๒๘ รูป มหาภูตรูปเท่าไหร่ที่เป็นมหาภูตรูป
ผู้ถาม ๔
สุ. ที่เป็นอุปาทายรูปเท่าไหร่
ผู้ถาม ๒๔
สุ. เวลาที่ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลมเกิดแล้วก็จะต้องมี สี รูปหนึ่งเกิดร่วมด้วย มี กลิ่น รูปหนึ่งเกิดร่วมด้วย มี รส รูปหนึ่งเกิดร่วมด้วย แล้วก็มี โอชา อีกรูปหนึ่งเกิดร่วมด้วยรวม ๘ รูป เป็นรูปที่แยกจากกันไม่ได้เลย ไม่ว่าจะแตกย่อยรูปให้ละเอียดสักเท่าไหร่ก็ตามแต่ ที่ใดมีมหาภูตรูป ๔ ที่นั่นต้องมีอุปาทายรูป ๔ ด้วย เรียกว่าอวินิพโภครูป ๘ จะจำหรือไม่จำไม่เป็นไร แต่ให้ทราบว่ารูปที่แยกกันไม่ได้มี ๘ รูป เข้าใจแล้วนะ เพราะฉะนั้นตอบได้เลยว่าที่โต๊ะมีโอชารูปหรือเปล่า
ผู้ถาม มี
สุ. เหล็ก มีโอชารูปไหม
ผู้ถาม มี
สุ. ก็เป็นคำตอบของตัวเองใช่ไหม ถ้าคนอื่นบอกไม่มี ถูกไหม
ผู้ถาม ไม่ถูก
สุ. ถ้าสิ่งที่ไม่ถูกก็คือไม่ถูก
ที่มา ...