เวลาที่กุศลจิตเกิดความเป็นตัวตนก็ยังมี


    ผู้ถาม เวลาที่กุศลจิตเกิดจะต้องไม่มีอกุศลเจตสิกใดๆ เกิดร่วมด้วย

    สุ. ถูกต้อง แต่มีอนุสัยกิเลส และมีอะไรๆ ที่สะสมมาทั้งหมด

    ผู้ถาม ทีนี้ก็ฟังว่าแม้เวลาที่กุศลจิตเกิดความเป็นตัวตนก็ยังมี ตรงนี้ที่ยังไม่เข้าใจ

    สุ. มีฐานะอนุสัย ไม่ได้เป็นอกุศลเจตสิกเกิดร่วมกับกุศลจิต เพราะฉะนั้นอกุศลเจตสิกเกิดร่วมกับอกุศลจิตเท่านั้น จะไม่เกิดร่วมกับกุศลจิต วิบากจิต กิริยาจิตเลย ถ้าเป็นอกุศลเจตสิกจะเกิดกับจิตที่เป็นอกุศลเท่านั้น ในขณะที่โสภณเจตสิกเกิดกับกุศลก็ได้ วิบากก็ได้ กิริยาก็ได้ แต่ต้องจำว่าสำหรับอกุศลเจตสิกเกิดเมื่อไหร่จิตขณะนั้นเป็นอกุศลเท่านั้น อย่างอื่นจะเป็นวิบากไม่ได้

    ผู้ถาม ยกตัวอย่างที่เห็นง่ายๆ คือเวลาที่มีทานกุศล ช่วงที่หลังจากทานเกิดแล้ว บางครั้งก็จะระลึกได้ว่าหลังจากช่วงที่กุศลจิตเกิดแล้ว จริงๆ กุศลที่เกิดมองไม่เห็น

    สุ. ศรัทธาเกิด หิริเกิด โอตตัปปะเกิด แล้วพวกอกุศลเจตสิกจะเกิดได้ยังไง คนละประเภท

    ผู้ถาม อย่างเวลาที่สติสัมปชัญญะเกิด อย่างไรก็ตามอนุสัยก็ต้องมี

    สุ. จนกว่าจะถึงโสตาปัตติมรรคเมื่อไหร่ก็ดับทิฏฐานุสัย

    ผู้ถาม ก็คือมีตัวตน

    สุ. ต้องโลกุตตรจิตเท่านั้นที่จะดับอนุสัยกิเลสได้ กุศลอื่นดับไม่ได้เลย ความเป็นเรามี ๓ อย่าง ไม่ใช่อย่างเดียว เราด้วยทิฏฐิความเห็นผิด เราด้วยมานะ ความสำคัญตน และเราด้วยตัณหาคือโลภะ หลังจากจิตที่ทำกุศลแล้ว เราประเภทไหนเกิด

    ผู้ถาม บางทีก็โลภะ บางทีก็มานะ

    สุ. ก็ถูกต้องแล้ว

    ผู้ถาม ในขณะที่กุศลจิตเกิด ดับไปแล้ว ก็ความเป็นเราเกิด เรียนถามว่าความเป็นเราเกิดจึงเกิดอกุศลจิตก็เป็นไปได้โดยปกตูนิสสยปัจจัย

    สุ. การสะสมมามีกำลังที่จะทำให้สภาพธรรมใดเกิด ถ้าใช้ชื่อก็คงเป็นปัจจัย และปัจจัยก็มีหลายประเภท สิ่งที่เกิดแล้วดับไปสะสมสืบต่อเป็นปกตูนิสสยปัจจัย แต่ความจริงอุปนิสสยปัจจัยก็มี ๓ แต่ว่ากล่าวถึงเพียงอย่างเดียว เป็นเรื่องต่อไป ยังไงๆ ก็ต้องเข้าใจขึ้น แต่ว่าขอให้เป็นความเข้าใจจริงๆ ตามลำดับไม่สับสน เพราะว่าเป็นการเข้าใจลักษณะของสภาพธรรม ไม่ใช่เข้าใจเรื่องราว การเข้าใจเรื่องราวจะเข้าใจได้หมดไหม โดยที่ว่าไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมเลยสักอย่าง อย่างคำว่า “ธรรม” ไม่สงสัย ฟังทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรม แล้วขณะนี้ปัญญารู้ความเป็นธรรมของอะไร ไม่มีเลย มีแต่ชื่อ
    เพราะฉะนั้นก็อย่าเพียงพอใจคิดว่าเรารู้จักชื่อเยอะ แต่จริงๆ แล้วจะต้องรู้ว่าเรารู้เพียงชื่อ ทั้งๆ ที่ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงก็เกิดขึ้น และดับไปอย่างรวดเร็ว และก็มีหนทางที่จะรู้ได้ด้วย


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 184


    หมายเลข 10224
    3 ก.ย. 2567