สิ่งที่มีจริงยังไม่ได้เป็นธรรมตามที่ฟัง
ผู้ถาม ความเป็นตัวตนที่ทำอกุศลกับความเป็นตัวตนที่ทำกุศล
สุ. นี่ก็เป็นเรื่องแต่ว่าต้องเป็นขณะจิต ขณะที่พูดว่ากำลังมีความเห็นผิดเกิดยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา ความชัดเจนก็คือว่ารู้สภาพธรรมไหนว่าเป็นเรา ต้องในขณะนั้น ไม่ใช่พูดรวมๆ ไปหมด รวมๆ ไปหมด มีหรือไม่มีก็ไม่รู้ คิดเอาเองว่ามีใช่ไหม แต่ถ้ามีจริงๆ จะรู้ลักษณะของการยึดถือสภาพที่กำลังปรากฏ นั่นจึงจะกล่าวได้ว่า ขณะนั้นมีสักกายทิฏฐิยังมีความเป็นเราในสิ่งที่ปรากฏ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เพียงกล่าวลอยๆ ว่ามี แต่ต้องในขณะไหน เพราะฉะนั้นเดี๋ยวนี้ ขณะนี้ มีสักกายทิฏฐิเกิดหรือเปล่า มี ยึดถืออะไรว่าเป็นเรา เพราะว่าสภาพธรรมเกิดทีละอย่าง การที่จะเข้าใจธรรม ไม่ใช่เข้าใจชื่อธรรมว่า หมายความถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริง แต่สิ่งที่มีจริงยังไม่ได้เป็นธรรมตามที่ฟัง จนกว่าสติสัมปชัญญะจะรู้ตรงลักษณะที่เป็นธรรมแต่ละอย่าง จึงจะกล่าวได้ว่าเริ่มเข้าใจว่าลักษณะนั้นเป็นธรรมเพราะเป็นนามธรรมหรือเป็นรูปธรรม เพราะมีลักษณะที่ต่างกันไปเป็นแต่ละอย่าง ต้องมีความชัดเจน เพราะแม้ขณะที่จะบอกว่าเรามีสักกายทิฏฐิ เราก็มีเพราะว่าเรายังไม่ได้ดับ แต่ว่าขณะนั้นสักกายทิฏฐิเกิดหรือเปล่า หรือว่ามีในฐานะของอนุสัย เพราะฉะนั้นเราก็จะไม่พูดลอยๆ
ที่มา ...