ตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า มีแต่นามธรรมและรูปธรรม
เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่ให้เพียงเราจำชื่อ เพราะว่าจำชื่อนี่ต้องลืมแน่ แต่ไม่ลืมที่จะรู้ว่าขณะนี้เป็นธรรมที่กำลังปรากฏแต่ละอย่างๆ เวลาที่อกุศลจิตเกิด ใครจะรู้ลักษณะของโมหะ กำลังเห็นใครจะรู้ลักษณะของผัสสะ ก็ไม่รู้เลย เพราะฉะนั้นเบื้องต้นจริงๆ รู้ความต่างของสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมกับรูปธรรม จนกว่าจะประจักษ์ลักษณะของนามธรรม ลักษณะของรูปธรรม เมื่อนั้นเราก็จะรู้ได้ว่าเมื่อสภาพธรรมใดปรากฏ ลักษณะนั้นปรากฏโดยไม่ได้มีชื่อ อย่างแข็งขณะนี้มีแต่แข็งที่กำลังปรากฏกับสภาพที่รู้แข็ง อย่างอื่นไม่ปรากฏเลย ฟังเพื่อให้มีความเข้าใจที่มั่นคงจริงๆ ว่านี้คือความหมายของอนัตตา ตัวตั้งแต่ศรีษะจรดเท้าไม่มี ไม่ได้ปรากฏ แต่ยังไปจำว่ามีอยู่ นี่ก็เริ่มเข้าใจความหมายของอัตตสัญญา ซึ่งเมื่อไหร่ที่สามารถที่จะเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่มีลักษณะที่เป็นอนัตตา ใครทำแข็งให้เกิดขึ้นได้ มีไหมสักคนหนึ่งในโลกนี้ที่จะทำให้แข็งเกิดขึ้น เพียงแข็งให้เกิดได้ไหม ไม่ได้ เพราะแข็งเป็นสภาพธรรมที่มีปัจจัยเกิดแล้วดับ มีปัจจัยเกิดแล้วดับ เพราะฉะนั้นถ้ามีความเข้าใจริงๆ ขณะนั้นก็จะรู้ได้ว่าไม่ต้องใส่คำว่า “ปฐวีธาตุ” หรือว่าไม่ต้องใช้คำว่าธาตุดิน หรือว่าไม่ต้องนึกถึงคำว่า “แข็ง” ในเมื่อลักษณะแข็งกำลังปรากฏอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นปัญญาก็คือการที่เข้าใจถูก เห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมแต่ละลักษณะซึ่งเกิดดับสืบต่อเร็วมาก อาศัยสติเกิดเมื่อไหร่เพียงระลึกรู้ลักษณะนั้นด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องว่าลักษณะนั้นมีจริง และลักษณะจริงๆ ก็คือไม่ใช่ใครสักคนเดียว ไม่เป็นของใครด้วย นี่คือการศึกษาธรรมซึ่งเราอาจจะได้ยินชื่อมาก รู้ชื่อเยอะ แต่เรายังไม่ได้เข้าใจชื่อสักชื่อหนึ่งตามความเป็นจริง ถ้าไม่เกิดสติสัมปชัญญะที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้นประโยชน์จากการฟังจริงๆ มีจิต มีเจตสิก มีรูป ย่อลงแล้วก็คือมีนามธรรม และรูปธรรมที่เกิดดับสืบต่อปรากฏ ปัญญาจริงๆ ก็ควรที่จะรู้แจ้งในลักษณะของสภาพธรรมนั้น เมื่อมีความเข้าใจแล้วก็ไม่มีเหตุที่จะต้องไปรีรอ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปเร่งรัด แต่มีความเข้าใจถูกต้องว่าขณะไหนสติเกิด ขณะไหนหลงลืมสติ ก็จะรู้ประโยชน์ของขณะที่สติเกิด และก็จะเริ่มเข้าใจพระธรรมทั้งหมดที่ทรงแสดง แม้ว่าสิ่งที่เป็นสาระจริงๆ ในบรรดาสังขตธรรมทั้งหลาย มรรคมีองค์ ๘ เป็นเลิศเราก็รู้ได้เลย ไม่ว่าจะเกิดที่ไหนยังไง แต่ละขณะก็ผ่านไปหมดแล้วทั้งนั้น นอกจากที่สภาพธรรมปรากฏกับสติซึ่งสามารถจะค่อยๆ เข้าใจขึ้น อย่าไปคิดว่าจะต้องรู้ชื่อเยอะๆ แต่เตือนว่าชื่อเหล่านั้นไม่ได้รู้ลักษณะเลย ถ้าสติสัมปชัญญะไม่เกิด จะรู้ชื่อไปสักเท่าไหร่ก็ตามก็ไม่ได้รู้สภาพธรรมจริงๆ
ที่มา ...