ประมาทจริงๆ คืออะไร
ผู้ถาม หนูคิดว่าหนูคงต้องฟังไปเรื่อยๆ เหมือนกับที่ท่านอาจารย์เปรียบว่าเหมือนกับจับด้ามมีด ไม่มีวันที่จะรู้ว่าจะสึกหรือไม่สึก
สุ. แล้วก็อย่าประมาทพระธรรม แม้คำที่ได้ยิน ไม่ว่าเราจะเข้าใจคำนั้นโดยถูกต้องหมด เช่น คำว่า “ประมาท” เราก็ใช้คำนี้ในภาษาไทย และก็ก่อนที่จะได้ฟังธรรมเคยรู้ตัวไหมว่าเป็นผู้ประมาทหรือไม่ประมาทเมื่อไหร่ ลองคิดถึงชีวิตจริงๆ ก่อนฟังธรรม เราเคยคิดถึงคำว่าความประมาทไหม และเราประมาทอะไรบ้าง เราก็อาจจะใช้คำในภาษาทั่วๆ ไปใช่ไหม อย่าประมาทว่าเราจะไม่ยากจน อย่าประมาทว่าเราจะไม่เจ็บป่วย หรือว่าอย่าประมาทอะไรเราก็คิดไป หรือว่าขับรถอย่าประมาท นั่นก็คือความเข้าใจในภาษาของเรา เป็นผู้ที่ระวังไม่ให้มีภัยอันตรายเกิดขึ้น แต่ถ้าฟังธรรมแล้วก็จะละเอียดขึ้นว่าที่เราเข้าใจว่าไม่ประมาทในลักษณะนั้นก็ยังเป็นอกุศล ยังเป็นความต้องการที่จะให้ชีวิตปลอดภัยหรือว่าอะไรต่างๆ เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้ว ธรรมเป็นธรรม สิ่งที่เราไม่เคยรู้ว่าเป็นอกุศลซึ่งความจริงเป็นอกุศล เราก็จะมีความเข้าใจความละเอียดขึ้นจากประมาทที่เราเคยใช้ไปมีความเข้าใจถูกต้องว่าประมาทจริงๆ คืออะไร ประมาทที่จะปล่อยให้ชีวิตเป็นไปกับอกุศลโดยที่ว่าไม่มีการอบรมเจริญปัญญาที่จะทำให้รู้ความจริงที่จะละคลาย และดับอกุศล นี่คือความประมาทจริงๆ เพราะฉะนั้นแม้แต่การฟังพระธรรมก็ประมาทไม่ได้ว่าเราเข้าใจแล้ว หรือว่าเราคิดว่าเราอ่านก็ไม่เห็นมีอะไรก็จบไปเป็นแต่ละสูตรไป แต่จริงๆ แล้วเรามีความเข้าใจถูกในสิ่งที่เราได้ยินได้ฟังมากน้อยแค่ไหน เพราะว่าความประมาทก็จะมีจริงๆ ได้ตามลำดับขั้น เริ่มจากการไม่ประมาทในการฟังพระธรรม เพราะรู้ได้เลยว่าขณะไหนไม่ฟัง ขณะนั้นเป็นยังไง ใครจะกั้นอกุศลได้ มาอย่างรวดเร็วฉับพลันมากมาย กั้นไม่ได้เลย แต่ว่าขณะใดที่ฟัง เริ่มที่จะเข้าใจถูกขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นไม่เป็นอกุศล เพราะฉะนั้นวันหนึ่งๆ ก็จะค่อยๆ เห็นความต่างกันของกุศลจิต และอกุศลจิต และก็จะรู้ได้ด้วยตัวเองว่ายังประมาทอยู่มากน้อยแค่ไหน แต่ทั้งหมดต้องเป็นผู้ที่ละเอียดรอบคอบ ไม่ประมาทในการฟัง เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะเหตุว่าธรรมนี่จริง ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนไปจากความจริงนั้นได้เลย แต่ว่าถ้าศึกษาโดยไม่รอบคอบ ก็จะเข้าใจผิดได้ ก็ต้องไม่ประมาทแม้ในขณะที่ฟัง ต้องฟังให้เป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง
ที่มา ...