ขณะนี้เหมือนเรากำลังเห็น
สุกัญญา อย่างนั้นแสดงว่า ชั่วขณะเราหลับ ปสาทรูปทั้ง ๕ ทวารก็เกิดแล้วก็ดับๆ อยู่ตลอดเวลา
สุ. ค่ะ รูปที่เกิดจากกรรมทั้งหมดเกิดแล้วก็ดับ
สุกัญญา แต่ว่าทำไมเราไม่รู้อารมณ์
สุ. จิตขณะที่หลับทำภวังคกิจ เพราะว่าจิตเกิดมาแล้วก็มีกิจหน้าที่เฉพาะของจิตนั้น เกิดทำกิจแล้วก็ดับไป เพราะฉะนั้นจะไม่มีจิตสักประเภทเดียวซึ่งเกิดโดยไม่ได้ทำกิจอะไร ต่อไปเราก็จะได้ทราบว่า จิตนี้ทำกิจอะไร ก้าวก่ายกันก็ไม่ได้ อย่างจิตเกิดขึ้นเห็น ขณะนั้นเห็น จะได้ยินไม่ได้เลย
เพราะฉะนั้นในขณะที่กำลังหลับสนิท ตายหรือยัง ยังไม่ตาย เพราะฉะนั้นขณะนั้นจิตเกิดดับดำรงภพชาติ ไม่ให้สิ้นสุดความเป็นบุคคลนั้น เพื่อตื่นอีก เห็นอีก ได้ยินอีก รับผลของกรรมอีก ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ขณะใดที่ไม่เห็น จะกล่าวว่าขณะนั้นเป็นวิบาก คือเป็นผลของกรรมที่ทำให้เห็นไม่ได้ แต่ขณะนั้นเมื่อยังไม่ตาย แล้วไม่มีการเห็น ไม่มีการได้ยิน ไม่มีการได้กลิ่น ไม่มีการลิ้มรส ไม่มีการรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส แม้ว่ามีกายปสาท โสตปสาทเหล่านี้เป็นต้น ขณะที่กำลังหลับสนิท จิตทำภวังคกิจ ไม่ใช่ทำทัสสนกิจ ไม่ใช่ทำกิจเห็น
เพราะฉะนั้นขณะนี้เหมือนเรากำลังเห็น แต่จิตทำทัสสนกิจ คือ เป็นจิตที่เห็น ไม่ใช่ทำภวังคกิจ แต่เวลาหลับสนิท ไม่เห็นเลย ไม่ได้ยินเลย เพราะฉะนั้นจิตเกิดขึ้นทำภวังคกิจ ขณะที่ทำภวังคกิจ จะทำทัสสนกิจ คือ เห็นไม่ได้ จิตหนึ่งก็มีกิจหนึ่งเท่านั้นเอง
สุกัญญา อย่างนี้ปสาทรูปที่เกิด เช่น จักขุปสาทรูปไม่กระทบกับรูปารมณ์ ใช่ไหมคะ
สุ. แล้วเราจะไปรู้ทำไมเวลาที่เห็นก็ไม่มี แล้วจะไปนั่งคิดว่า ขณะนั้นจะกระทบหรือไม่กระทบ
สุกัญญา แต่โดยลักษณะของปสาทรูปจะต้องกระทบหรือเปล่า ถึงรู้หรือไม่รู้ก็จะต้องกระทบ
สุ. ขณะที่เสียงปรากฏ มีจักขุปสาทรูป และจักขุปสาทรูปนั้นจะกระทบกับ รูปารมณ์ หรือว่าโสตปสาทรูปกระทบเสียง
สุกัญญา โสตปสาทรูปกระทบเสียง
ที่มา ...