เมื่อถึงกาลที่จิตที่เป็นผลของกรรมจะเกิดก็เกิดขึ้น
สุกัญญา แล้วปัญจทวาราวัชชนจิตเกิดตอนไหน
สุ. ถามถึงจิตอีกชื่อหนึ่ง คือ ปัญจทวาราวัชชนจิต ซึ่งเป็นจิตที่ทำอาวัชชนกิจ ถ้าเป็นภาษาบาลี เราก็ต้องไปนั่งคิดว่า คำนี้แปลว่าอะไร แต่ว่าลักษณะจริงๆ ของจิตนี้ก็คือว่า เป็นจิตที่ไม่ได้ทำภวังคกิจ จิตขณะแรกของชาตินี้ทำปฏิสนธิกิจที่เกิดขึ้นสืบต่อจากจุติจิตของชาติก่อน ไม่มีระหว่างคั่นเลย เพราะฉะนั้นในชาติหนึ่งๆ ก็จะมีปฏิสนธิเพียง ๑ ขณะ เพราะทำกิจสืบต่อจากจุติจิตของชาติก่อน เมื่อทำปฏิสนธิกิจเสร็จแล้ว กรรมเดียวกันนั่นแหละที่ทำให้เกิดเป็นบุคคลนั้น ยังไม่เปลี่ยนให้เป็นคนอื่น ก็ทำให้วิบากจิตเกิดสืบต่อ แต่ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ยังเห็นไม่ได้ ได้ยินไม่ได้ เมื่อปฏิสนธิจิตดับไปแล้ว ภวังคจิต คือ ผลของกรรมเดียวกันที่ทำให้ปฏิสนธิจิตเกิด เมื่อทำให้ปฏิสนธิจิตเกิดดับไปแล้ว กรรมนั้นก็ทำให้ภวังคจิต คือ จิตเหมือนกันเลย ประเภทเดียวกันเลย เป็นผลของกรรมเดียวกัน เกิดดับสืบต่อดำรงภพชาติ ขณะนั้นก็ทำภวังคกิจ ยังไม่เห็น ยังไม่ได้ยิน แต่มีใครบ้างไหมที่เมื่อปฏิสนธิจิตเกิดแล้วก็เป็นภวังคกิจไปเรื่อย ตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่มีใช่ไหมคะ จะรับผลกรรมอะไร เพียงแค่เกิดแล้วก็ไม่มีการเห็น การได้ยินเลย เหมือนกับไม่ให้ผลอะไรเลย แต่กรรมให้ผล คือ ทำให้มีจักขุปสาท โสตปสาท ฆานปสาท ชิวหาปสาท กายปสาท เพื่อจิตที่เป็นผลของกรรมถึงกาลที่พร้อมจะเกิดก็เกิดขึ้น แล้วแต่ว่าจะเห็น เป็นผลของกรรม หรือจะได้ยิน เป็นผลของกรรม แต่จิตเกิดดับสืบต่อเร็วมาก เพราะฉะนั้นเวลาที่มีรูป คือ สิ่งที่กำลังปรากฏทางตาในขณะนี้ ซึ่งเป็นรูปที่สามารถกระทบกับจักขุปสาทได้ เกิดกระทบกับจักขุปสาทซึ่งเกิดแล้วยังไม่ดับด้วย เป็นปัจจัยให้วิถีจิต ใช้คำว่า “วิถีจิต” เพราะเหตุว่าถ้าเราจะแบ่งจิตเป็นส่วนใหญ่ๆ ตลอดชาติหนึ่งๆ ก็จะมีจิตที่ต่างกัน คือ จิตที่ไม่ใช่วิถีจิต กับจิตที่เป็นวิถีจิต
ที่มา ...