ปฏิสนธิจิตของแต่ละคนมีอารมณ์อะไร
ผู้ฟัง อาจารย์อรรณพครับ ในมรณาสันนกาล มีคติ ๓ คติอารมณ์ อยู่ในอารมณ์ไหนครับใน ๖ อารมณ์
อ.อรรณพ ได้ทั้ง ๖ ได้ทั้งสี เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธัมมารมณ์
สุ. ขอประทานโทษนะคะ เวลาที่ฟังธรรมแล้ว จะเป็นความเข้าใจของตัวเอง หลังจากที่ได้ฟังแล้วว่า ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ทุกสิ่งทุกอย่าง หรือสามารถเข้าใจได้ทั้งหมด เช่น จิต ขณะนี้มี เป็นสิ่งที่เมื่อฟังแล้วก็สามารถจะเข้าใจลักษณะของจิต โดยสภาพที่เป็นธรรมที่มีจริง และไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แต่มีใครที่สามารถจะรู้ว่า ปฏิสนธิจิตของแต่ละคนมีอารมณ์อะไรไหมคะ
เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าก่อนจุติ จิตจะเป็นกุศลอกุศลใดๆ ก็ตาม พอที่จะรู้เพียงว่า ถ้าก่อนจุติเป็นกุศลจิต ก็เป็นปัจจัยให้กุศลวิบากทำกิจปฏิสนธิในสุคติภูมิ เกิดในมนุษย์ หรือว่าในสวรรค์ขั้นต่างๆ ถ้าเป็นกามาวจรกุศล แต่ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรม ใครก็จะไปจัดการทำอะไร เปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย เพราะว่ากรรมถึงกาลที่จะทำให้ผล จึงทำให้จิตใกล้จะจุติเป็นอกุศลจิต เมื่ออกุศลจิตเกิดก่อนจุติ ก็เป็นปัจจัยให้อกุศลวิบากปฏิสนธิในทุคติภูมิ โดยจะมีอารมณ์อะไรก่อนจุติ ไม่มีใครสามารถจะรู้ได้
เพราะฉะนั้นการศึกษาธรรม แต่ละท่านก็สามารถจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่า สามารถจะเข้าใจอะไรได้ และมีสิ่งที่สามารถจะทำให้เข้าใจยิ่งขึ้นได้หรือเปล่า เพราะเหตุว่าสามารถจะเข้าใจลักษณะของจิต ลักษณะของธรรม ลักษณะของรูป แต่จะเข้าใจอารมณ์ของจิตใกล้จุติของชาติก่อน ซึ่งเป็นอารมณ์ของปฏิสนธิในชาตินี้ และเป็นอารมณ์ของภวังคจิตในชาตินี้ได้ไหม
นี่เป็นสิ่งที่แต่ละคนจะได้ทราบด้วยตัวเอง แม้จะมีคำกล่าวว่า ใกล้จุติ จะมีอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใดใน ๖ อารมณ์ คือ ๖ ทวาร ก็ทราบเพียงเท่านี้ แต่จะให้รู้ว่า แล้วขณะใกล้จุตินั้นมีอารมณ์อะไร เรียกว่าอะไร ไม่สามารถจะรู้ได้
ด้วยเหตุนี้ก็ตามกำลังความสามารถที่จะเข้าใจธรรมได้ เพราะว่าแม้ขณะนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่า ปฏิสนธิของแต่ละคนมีกรรมเป็นอารมณ์ หรือมีกรรมนิมิตเป็นอารมณ์ หรือมีคตินิมิตเป็นอารมณ์ แต่ผู้รู้ทรงแสดงให้เห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วแต่กรรม และอารมณ์ที่ใกล้จะจุติก็เลือกไม่ได้ด้วย แต่มีสิ่งที่ขณะนี้มี สามารถจะฟังให้ค่อยๆ เข้าใจได้ แต่ถ้าคิดถึงสิ่งที่อย่างไรๆ ก็ไม่มีใครสามารถจะรู้ได้ แต่ว่าทรงแสดงไว้ เพื่อให้เห็นความเป็น อนัตตาของสภาพธรรม ก็ทำให้เรารู้จักตัวเราเองตามความเป็นจริงว่า สามารถจะรู้อะไรได้แค่ไหน
ผู้ฟัง อาจารย์คะ เราไม่สามารถจะรู้ได้เลย ขณะที่เราหลับสนิท เราไม่สามารถรู้ลักษณะของภวังค์เลย แม้แต่ว่าเป็นของเรามาตั้งแต่เกิด อันนี้คือวิจิตร คือ ปัญญาเราไม่ถึงพระพุทธเจ้า ทรงแสดง เรารู้ตามเท่านั้นเอง แล้วก็รู้เท่านั้นเองว่า มาเกิดเป็นมนุษย์ เป็นสุคติภูมิหนึ่งเท่านั้น
สุ. แล้วก็พิสูจน์ได้ว่า กำลังหลับสนิท อะไรๆ ก็ไม่ปรากฏ แล้วจะไปรู้ได้อย่างไร ว่า ขณะนั้นภวังคจิตซึ่งมีอารมณ์เดียวกับปฏิสนธิจิตนั้นมีอารมณ์อะไร ก็เป็นอารมณ์ที่ไม่ปรากฏ เพราะเหตุว่าไม่ใช่อารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ที่มา ...