ต้องรู้จนทั่วจริงๆ


    ผู้ฟัง ในชีวิตของคนแต่ละคน ย่อมมีการสะสมทั้งกุศล และอกุศล แต่ทำไมจึงมีความต่างกันของแต่ละคน บางคนก็มีกุศลจิตเกิดมาก แต่บางคนก็มีอกุศลจิตเกิดมาก เหตุ และปัจจัยที่จะให้กุศลจิต และอกุศลจิตเกิด อย่างภูมิมนุษย์ก็ทราบว่า เกิดด้วยกุศลจิต ก็เลยมีความสงสัย

    สุ. แล้วสะสมมาเท่ากันหรือเปล่า

    ผู้ฟัง ก็ไม่เท่ากัน

    สุ. เมื่อเหตุสะสมมาไม่เท่ากัน ก็เป็นปัจจัยให้ถ้าใครสะสมโลภะมามาก คนนั้นก็มีปัจจัยให้โลภะเกิดมาก ใครสะสมโทสะมามาก ก็มีปัจจัยให้โทสะเกิดมาก

    ผู้ฟัง แล้วมีโอกาสได้ฟังธรรม สิ่งที่สะสมมาทำให้บุคคลนั้นมีอัธยาศัยที่ต่างกัน

    สุ. ต่างกัน คือ ก่อนฟังธรรม หรือคนที่ไม่ได้ฟังธรรมเลย กับคนที่ฟังธรรมด้วย ที่เคยสะสมมาในโลภะ โทสะ โมหะ ก็มิตรทั้ง ๒ คน แต่คนหนึ่งก็สะสมการฟัง อีกคนก็ไม่ได้สะสมการฟัง

    ผู้ฟัง แต่ในขณะที่ฟังพระธรรม ก็ยังมีความต่างกันอีก

    สุ. ถูกต้องค่ะ ก็ตามการสะสมว่า เคยฟังมามากเท่าไร เคยเข้าใจถูกมากน้อยแค่ไหน เคยยังเป็นเราที่ฟังตลอดไปหรือเปล่า หรือฟังแล้วก็รู้ว่า แม้ขณะที่คิดว่า กุศลเกิดแล้วก็ดับ อกุศลเกิดแล้วก็ดับ บังคับบัญชาไม่ได้ ขณะนั้นก็ไม่ใช่เรา แต่เป็นสภาพธรรมที่คิด ต้องรู้จนทั่วจริงๆ ถึงจะหมดความเป็นเราได้ ไม่ใช่ฟังเพียงผิวเผิน ก็ไม่ใช่เราแล้วจะทำอะไรก็ได้


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 255


    หมายเลข 11929
    28 ส.ค. 2567