เห็นแล้วคิด
ผู้ฟัง ภวังคจิตต้องรู้อารมณ์ แต่ไม่มีอารมณ์ในทางอกุศล
สุ. มิได้ค่ะ อารมณ์ใดๆ ทั้งหมด ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ลิ้มรส ไม่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ไม่คิดนึก เพราะฉะนั้นโลกนี้ไม่ปรากฏ โลกไหนๆ ก็ไม่ปรากฏกับภวังคจิต เพราะเหตุว่ากำลังทำภวังคกิจ ไม่ใช่ทำกิจเห็นหรือคิด
ผู้ฟัง ผมนึกว่าจักขุปสาทเห็นรูปไม่ได้
สุ. แน่นอนค่ะ จักขุปสาทไม่ใช่จักขุวิญญาณ แต่กระทบได้
ผู้ฟัง ทีนี้ตรงที่เห็นอยู่ตรงไหน
สุ. จักขุวิญญาณ จิตเห็นเกิดในขณะนั้น เกิดเพราะผัสสเจตสิก
ผู้ฟัง มีคำที่อาจารย์พูดถึงอยู่ อายตนะ มีผัสสะ แล้วบอกว่ากระทบได้ แต่เห็นไม่ได้ ผมก็พยายามจะวิเคราะห์ขั้นตอนนี้มันคือ กระทบ แต่ยังไม่เห็น
สุ. ศึกษาธรรม เราไม่คิดแบบที่เราเคยคิด แต่เมื่อพูดถึงเรื่องใด หมายความว่า ให้เข้าใจสิ่งที่กำลังกล่าวถึง เช่น ถ้าพูดถึงจักขุปสาท หมายความว่า เรากำลังพูดถึงรูปประเภทหนึ่งซึ่งเป็นรูปพิเศษ มีลักษณะที่สามารถกระทบเฉพาะกับสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาอย่างเดียว ไม่สามารถไปกระทบเสียง หรือกระทบกลิ่นได้
เพราะฉะนั้นจักขุปสาทรูป มีแน่นอน แต่ทั้งๆ ที่กล่าวว่า มีแน่นอน ก็ไม่มีใครสามารถจะไปเห็นจักขุปาทรูปได้ เพราะว่าสิ่งที่เห็นได้ มีรูปเดียว สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา เป็นวัณณรูป
เพราะฉะนั้นรูปอื่นๆ ทั้งหมด ไม่สามารถที่ใครจะไปเห็นรูปนั้นได้เลย นี่คือ รูป ซึ่งไม่ใช่สภาพรู้
ผู้ฟัง แต่ที่เห็นนี่ เป็นจักขุวิญญาณ
สุ. ถูกต้องค่ะ เพราะฉะนั้นหมายความจักขุปสาทรูป ที่ใช้คำว่า เห็นไม่ได้ คือ ใครๆ ก็เห็นจักขุปสาทไม่ได้ และตัวจักขุปสาทรูปเองก็ไม่สามารถจะเห็นอะไรได้ เพราะเป็นรูป
ผู้ฟัง จักขุวิญญาณเห็น เห็นเป็นเก้าอี้ เป็นโต๊ะ เป็นหน้าต่างไปแล้ว
สุ. ค่ะ ขณะนี้ต้องมีจักขุวิญญาณแน่นอน เพราะมีสิ่งที่กำลังปรากฏทางตากำลังปรากฏ แล้วก็ดับอย่างเร็วมาก นี่คือสิ่งที่ไม่รู้ แต่ฟังจนกว่าจะเข้าใจความต่างของขณะที่เพียงเห็น และกำลังคิดถึงรูปร่างสัณฐาน เพราะฉะนั้นก็จำนิมิตของสิ่งที่เกิดดับ เป็นคน เป็นสัตว์ตลอด
ที่มา ...