ไม่เคยรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง
ผู้ฟัง ก่อนจะถามปัญหา ผมขอเล่าเรื่องจริง ญาติของผมเสียชีวิตไปแล้ว โดนขโมยเงินไป ๔,๐๐๐ กว่าบาท และเขารู้ว่าใครขโมย เขาผูกใจเจ็บจนตาย ขณะที่ตายไปแล้ว จะเป็นเปรตหรืออสุรกายก็ไม่รู้ เคยมาเข้าสิงคนที่อยู่
สุ. คุณวิจิตรเข้าใจคำว่า “เข้าสิง” อย่างไร และเข้าสิงเมื่อไร กลางวันหรือกลางคืน เข้าสิงแล้วทำอะไรบ้าง ที่ใช้คำว่า “เข้าสิง”
ผู้ฟัง คนที่ถูกสิง จะแสดงอาการบางอย่าง
สุ. คนนั้นเป็นใครคะ
ผู้ฟัง รู้สึกว่าจะเป็นญาติเขา
สุ. ก็น่าเสียดายที่ไม่ได้ถามว่า ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน เกิดเป็นอะไร เพียงแต่ว่ามาถึงก็เชื่อเลยว่าเข้าสิง แต่ไม่รู้เลยว่า คนนี้ที่ตายไปแล้วที่มาเข้าสิง ขณะนี้เป็นใคร เกิดที่ไหน
ผู้ฟัง ไม่ได้ถาม
สุ. เพราะฉะนั้นก็เชื่อไปเลย แต่ก่อนอื่นต้องซักถามก่อนว่าเป็นใคร ก็เป็นความเชื่อ และไม่ได้ความละเอียด แต่ธรรมเป็นเรื่องจริง และเป็นเรื่องละเอียด แม้แต่สิ่งที่เราได้ยินได้ฟัง ไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิดหรือเราฟัง แม้แต่จิตหรือเจตสิกที่ได้ยิน ก็ไม่ใช่ว่าเราจะสามารถเข้าใจได้ทันที แต่ต้องฟัง เพราะว่าไม่มีสักขณะเดียวในชาตินี้ซึ่งขาดจิต และเจตสิก แต่ไม่เคยรู้
ด้วยเหตุนี้จึงฟัง เพื่อให้รู้สิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ตามความเป็นจริง ก็มีหลายท่านที่คงจะสับสนเรื่องของชื่อ และก็บอกว่า ชื่อยากมาก ภาษาบาลีไม่คุ้นเลย จิตก็พอจะได้ยินได้ฟัง แต่พอเจตสิก จะต้องมาจำกันใหม่ แต่ความจริงไม่เป็นอย่างนั้น เป็นเรื่องเข้าใจสิ่งที่กำลังมีอยู่ในขณะนี้ ซึ่งไม่เคยเข้าใจมาก่อน
ด้วยเหตุนี้การฟังธรรม ไม่ใช่ไปจำชื่อ แต่ให้รู้ว่า สิ่งที่กำลังมีในขณะนี้เหมือนกันหรือต่างกัน หรือเป็นอะไร แล้วเราก็ใช้ชื่อที่จะทำให้สะดวกในการกล่าวถึงสภาพธรรมนั้น เพราะเหตุว่าถ้าอธิบายก็ยาวมาก แต่ถ้าใช้คำเดียว ก็จะเข้าใจได้
เพราะฉะนั้นแทนที่เราจะไปคิดถึงเรื่องราวที่ไม่มี แต่ความจริงทุกขณะที่มีชีวิตอยู่ เราไม่เคยรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง จึงฟัง เพื่อให้เข้าใจ
ที่มา ...