ปัญจทวาราวัชชนจิต


    สุ. เพราะฉะนั้นเมื่ออารมณ์กระทบจักขุปสาท อารมณ์ยังไม่ดับ จักขุปสาทยังไม่ดับ ภวังค์ไหวขณะหนึ่งแล้วก็ดับไป ขณะต่อไปก็เป็นกระแสภวังค์สุดท้าย คือ ภวังคุปเฉทะ เพราะหลังจากนั้นแล้วต้องเป็นวิถีจิต เพราะว่าอาศัยรูปกระทบกับจักขุปสาท จะทำให้มีการเห็นเกิดขึ้น ขณะใดที่เห็น ขณะนั้นเป็นวิถีจิตทางตา เพราะอาศัยจักขุปสาท แต่ว่ากำลังเป็นภวังค์อยู่ และเมื่อภวังค์ดับไป จะให้จักขุวิญญาณจิตเห็นทันทีไม่ได้ ต้องมีจิตอะไรเกิดก่อน นี่คือความละเอียดที่เราจะเข้าใจ ไม่ใช่ไปจำอเหตุกะ มี ๑๘ จำได้ ๑๐ หายไป ๘ แต่ถ้ามีความเข้าใจว่า ขณะนี้เดี๋ยวนี้มีภวังค์ก่อน เห็น แล้วเวลา ภวังค์ดับไปแล้ว จะเห็นทันทีไม่ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อภวังคุปัจเฉทะ ซึ่งหมายถึงภวังค์ขณะสุดท้ายดับไปแล้ว จะเป็นภวังค์ต่อไปอีกไม่ได้ เพราะใช้คำว่า กระแสภวังค์ขณะสุดท้ายของกระแสภวังค์

    ด้วยเหตุนี้จิตต่อไป จึงต้องเป็นวิถีจิต จะเป็นจิตที่ไม่ใช่วิถีต่อไปไม่ได้ วิถีจิตแรกลืมไม่ได้เลย จะต้องมีวิถีจิตขณะแรกเสมอทั้ง ๖ ทวาร แล้วแต่ว่าจะเป็นทวารไหน ต้องมีวิถีจิตแรก และวิถีจิตแรกทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทั้ง ๕ ทาง มีจิตประเภทหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นรู้อารมณ์ที่กระทบ แต่ไม่เห็น จะเป็นวิบากจิตไม่ได้ ยังไม่ใช่ผลของกรรม

    ผู้ฟัง รู้อารมณ์ที่กระทบ แต่ไม่เห็น

    สุ. ต้องมีขณะหนึ่งที่เป็นวิถีจิตแรกก่อนเห็น เห็นทันทีไม่ได้ จากภวังค์จะเห็นทันทีไม่ได้เลย

    ผู้ฟัง แต่ก็รู้ว่า มีอารมณ์มากระทบ

    สุ. ถูกต้องค่ะ เพราะฉะนั้นจิตขณะนั้นไม่ใช่วิบากจิต เพราะยังไม่เห็น ยังไม่เป็นผลของกรรมที่ทำให้เห็น เพราะฉะนั้นต้องไม่ลืมว่า วิถีจิตขณะแรกทุกทวารต้องมี ถ้าเป็นทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย จะมีจิตประเภทหนึ่งซึ่งไม่ประกอบด้วยเหตุ เป็นอเหตุกกิริยาจิต เพราะไม่ใช่กุศลจิต ไม่ใช่อกุศลจิต ไม่ใช่วิบากจิต แต่เป็นจิตที่ไม่มีเหตุ ๖ เกิดร่วมด้วยเลย เกิดขึ้นโดยปัจจัยที่จะทำให้รู้อารมณ์ที่กระทบก่อนวิถีจิตต่อๆ ไป

    เพราะฉะนั้นจิตนี้โดยชื่อ ใช้คำว่า “ปัญจทวาราวัชชนจิต” หมายถึงจิตที่ทำอาวัชชนกิจ น่าเสียดาย ไม่มีคนชื่อ อาวัชชนะ ถ้ามีคนชื่อ อาวัชชนะ ให้คุ้นหู เราก็คงจะจำได้เร็วกว่านี้ แต่เราไปจำชื่ออื่นๆ ได้ แต่ถ้านึกถึงอาวัชชนะ จิตที่นึกถึงอารมณ์ทางตาที่กระทบ เป็นอาวัชชนจิตทางจักขุทวาร ถ้าเป็นทางหู ก็เป็นอาวัชชนจิตทางโสตทวาร ถ้าเป็นทางจมูก จะได้กลิ่นทันทีได้ไหมคะ พอได้กลิ่นทางจมูก ภวังคจิตดับไป จะให้จิตได้กลิ่นทันทีได้ไหม ไม่ได้ ต้องมีวิถีจิตแรกเกิดก่อน คือ จิตที่ทำอาวัชชนกิจ นึกถึงอารมณ์นั้น ถ้าเป็นทางจมูก ก็ต้องมีจิตที่ทำกิจรู้อารมณ์นั้นก่อนรู้กลิ่นจริงๆ ทางลิ้น พอใส่อาหารเข้าปาก ดูเหมือนจะลิ้มรสทันที แต่ต้องมีภวังค์เกิดก่อน แล้วก็มีปัญจทวาราวัชชนจิต ถ้าเป็นทางลิ้น ก็เป็นชิวหา ไม่ใช่ทางกาย หรือไม่ใช่ทางตาเกิดก่อน

    เพราะฉะนั้นพื้นฐานสำคัญมาก คือ เมื่อฟังแล้ว ไม่เพียงเป็นชื่อที่จำ แต่ต้องรู้ว่า ชื่อนั้นเพราะอะไร อย่างชื่อ อาวัชชนะ ปัญจะ คือ ๕ อาวัชชนะ คือ นึกถึง รำพึงถึง ก็ต้องจิตที่คิดถึงอารมณ์ที่กระทบทางหนึ่งทางใดใน ๕ ทาง แล้วก็ไม่ประกอบด้วยเหตุ จะเป็นโลภะ โทสะ โมหะ หรืออโลภะ อโทสะ อโมหะในขณะนั้นไม่ได้ ยังไม่ทันรู้อะไรเลย เพียงแต่ว่าเมื่อภวังคจิตที่เป็นภวังคุปัจเฉทะดับ จิตนี้เกิดต่อ จะให้จิตอื่นเกิดต่อไม่ได้ เพราะจิตที่เกิดดับมีสมันตรปัจจัย อนันตรปัจจัย ทันทีที่จิตเกิดขึ้น ปราศไป ดับไป ไม่มีอีกเลย เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดขึ้น เพราะว่าถ้ายังมีจิตขณะนั้นอยู่ จิตขณะต่อไปเกิดไม่ได้เลย


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 265


    หมายเลข 12024
    27 ส.ค. 2567