เห็นคน แสดงว่าเรารู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏทางตาหรือเปล่า
เราจะได้ฟังเรื่องของธรรมมาโดยตลอด เรื่องของนามธรรม เรื่องของรูปธรรม เรื่องของจิต เรื่องของเจตสิก ซึ่งกำลังมีในขณะนี้ทั้งหมด ไม่ขาดรูปธรรมนามธรรมเลย แต่เริ่มเพียงเข้าใจเรื่องราวของนามธรรม และรูปธรรม ยังไม่รู้ลักษณะจริงๆ ของนามธรรม และรูปธรรม เพราะเหตุว่าต้องเป็นสติสัมปชัญญะที่กำลังรู้ลักษณะ เพราะว่ามีลักษณะให้รู้ เช่น ขณะนี้เห็นคน แสดงว่าเรารู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏทางตาหรือเปล่า เพราะว่าเห็นเมื่อไร ก็เป็นคน เป็นวัตถุ เป็นสิ่งต่างๆ เป็นชีวิตประจำวันปกติ แม้ว่าจะฟังแล้วว่า มีธาตุ หรือมีธรรมชนิดหนึ่งซึ่งสามารถปรากฏให้เห็น แค่นี้นะคะ ไม่ใช่ให้เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด สามารถปรากฏให้เห็นลักษณะของธาตุนั้น ก็จะต้องมีความเข้าใจอย่างมั่นคงว่า รู้จริงๆ หรือยัง ถ้ายังไม่รู้จริงๆ หมายความว่าขณะนั้นสติสัมปชัญญะไม่ได้รู้ และเข้าใจเฉพาะลักษณะของสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ก็ต้องฟังไปอีก และทางหูก็มีเสียง เสียงก็มีจริงๆ หมดแล้วด้วย และไม่ทันที่จะรู้ว่าเป็นธรรมชนิดหนึ่งซึ่งต่างจากสภาพที่กำลังได้ยินเสียง
ทั้งหมดมีจริงในชีวิตประจำวันทุกภพชาติ แต่ต้องอาศัยการฟัง จนกระทั่งเป็นความเข้าใจที่มั่นคง เป็นสัจญาณ รู้ว่าทุกขสัจ อริยสัจที่ ๑ ก็คือ การเกิดดับของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้
เพราะฉะนั้นเพียงฟังเรื่องราวเข้าใจได้ว่า สภาพธรรมไม่เที่ยง เกิดดับ แต่ยังไม่ประจักษ์การเกิดดับ ซึ่งเกิดจริงๆ ดับจริงๆ แล้วก็เกิดจริงๆ แล้วก็ดับจริงๆ สืบต่อ จนกว่าจะถึงกาลที่สติสัมปชัญญะเริ่มเกิด เริ่มเกิดนี่จะน้อยหรือจะมาก เพราะว่าสภาพธรรมเกิดดับเร็วมาก แม้ขณะนี้สิ่งที่ปรากฏทางตา รูปใดเกิดแล้วดับแล้ว ไม่กลับมาอีกเลย แต่มีรูปอื่นซึ่งปรากฏสืบต่อเสมือนว่าไม่ดับเลย เพราะฉะนั้นเวลาที่สติสัมปชัญญะจะเกิดบ้าง เพราะว่ามีเหตุปัจจัยที่ทำให้นึกได้ ก่อนอื่นจะเป็นระลึกได้ว่า ขณะนี้มีสิ่งที่กำลังปรากฏ กว่าจะเริ่มค่อยๆ เข้าใจตรงลักษณะ ซึ่งไม่ต้องไปทำอะไรเลย พอจะทำ ก็คือเราอีกแล้ว
ที่มา ...