สิ่งที่ปรากฏสั้นมาก แต่คิดว่าสิ่งนั้นเที่ยง
ผู้ฟัง ควรจะต้องเข้าใจพื้นฐานเบื้องต้นอย่างไร เพราะว่าเมื่อฟังธรรมแล้วก็คิดว่า นั่นเป็นกุศล ก็เพียงแต่เดาเอาว่าเป็นอย่างโน้นเป็นอย่างนี้ และขณะใดก็ตามที่ฟังธรรมแล้ว รู้ว่าขณะนั้นรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ สลับกับขณะที่กำลังคิด
สุ. ถ้ายังไม่เข้าใจสภาพธรรม อย่าคิดเรื่องที่สติสัมปชัญญะจะเกิด รู้ตรงลักษณะของสภาพธรรม เพราะว่ายังไม่ได้เข้าใจธรรมนั้น
เพราะฉะนั้นไม่ใช่ให้เราไปพยายามหาทางรู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ โดยไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้นจุดประสงค์ ไม่ใช่ไปพยายามให้สติเกิด แต่ให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมี จนกระทั่งสามารถรู้ลักษณะนั้นตามความเป็นจริงได้ ถ้าขณะนี้ทุกคนกำลังทำอะไร ลองคิดดูซิคะ
ผู้ฟัง กำลังคิดครับ
สุ. จริงๆ แล้ว เห็นมี ก็ไม่ได้สนใจ คิด เวลานี้ เห็นมีแน่ๆ แต่ไม่ได้สนใจในสภาพธรรมที่ปรากฏว่า เป็นลักษณะหนึ่ง แต่คิด เวลาที่ได้ยิน ก็ไม่ได้ฟังว่าเสียงนั้นเป็นเสียงอย่างไร แต่คิดเรื่องที่ได้ยิน ทั้งหมดของชีวิตมีสิ่งที่กระทบตา หู จมูก ลิ้น กาย จริง แต่ไม่สนใจที่จะรู้ลักษณะจริงๆ ของสภาพธรรมนั้นว่าชั่วคราว เพียงปรากฏตามเหตุปัจจัยแล้วก็หมด แต่คิดถึงสิ่งนั้นตลอด เพราะฉะนั้นความคิดไม่เคยหมดไปเลย ไม่ว่าจะเห็นก็คิด ได้ยินก็คิด ได้กลิ่นก็คิด นั่งเฉยๆ ก็คิด หลับก็คิด คือ ฝัน
นี่แสดงให้เห็นว่า เราอยู่ในโลกของความคิดโดยที่ไม่รู้ว่า สิ่งที่ทำให้เราเกิดคิดนั้นหมดแล้ว อย่างเราเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เหมือนกับว่าเราคิดถึงสิ่งนั้น โดยที่ไม่รู้ว่า แท้ที่จริงสิ่งที่ทำให้คิดนั้นหมดแล้ว อย่างขณะนี้ทุกคนเห็นดอกไม้ ตามความเป็นจริงจิตเห็นดับ แล้วก็มีภวังค์คั่น แล้วก็มีจิตที่รู้ คือ คิดเรื่องสีสันวัณณะ แล้วก็จำชื่อเสียงเรียกได้ กล่าวถึงวิธีที่จะปลูกอย่างไร จะรักษาอย่างไร จะทำอย่างไร เป็นเรื่องความคิดทั้งหมด เพราะฉะนั้นเราไม่เคยรู้เลยว่า สิ่งที่ปรากฏให้คิดนั้นสั้นมาก สิ่งที่มีจริงๆ ในชีวิต ตั้งแต่เกิดจนตายอยู่ที่ความคิดทั้งหมด และคิดว่าสิ่งนั้นจริงด้วย อย่างสิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นดอกไม้จริงๆ ไม่ได้ดับไปเลยในขณะที่ปรากฏ รวมความว่าเป็นความคิดเรื่องสิ่งที่กระทบ โดยไม่รู้ความจริงของสิ่งนั้นเลย
ที่มา ...