การฟังธรรมก็เพื่อให้เข้าถึงสิ่งที่เรายึดถือ
อ.อรรณพ การศึกษาธรรม โดยเฉพาะพื้นฐานพระอภิธรรม เพื่อให้มีความพื้นฐานเข้าใจปรมัตถสัจจะว่า เป็นเพียงจิต เจตสิก รูป นิพพานนั้นก็อีกห่างไกล แต่ก็เป็นปรมัตถธรรมที่มีจริง เมื่อเข้าใจเป็นพื้นฐานอย่างนี้ ก็มีโอกาสอบรมเจริญปัญญาที่จะรู้ความจริง ก็จะรู้ว่า ขณะใดที่เป็นตัวธรรมจริงๆ ที่กำลังปรากฏ คือ ปรมัตถธรรม ขณะใดเป็นบัญญัติ ก็จะรู้ว่า บัญญัตินั้นไม่มี แต่การใช้บัญญัติสื่อสารกันนั้นเป็นเพียงภาษา เป็นเพียงคำพูด เพราะว่าพระธรรมมี ๒ นัย คือ คำสั่งสอนที่เป็นสมมติสัจจะ และธรรมอีกความหมายหนึ่งคือ สภาพธรรม หรือปรมัตถสัจจะ
เพราะฉะนั้นการศึกษาก็คือ ศึกษา ฟังสมมติสัจจะที่แสดงถึงสภาพธรรม เพื่อให้เข้าใจ และนำไปสู่การเข้าถึงในปรมัตถสัจจะ
อ.ธิดารัตน์ หลายๆ ท่านก็ได้กล่าวว่า ทำไมต้องเรียนบัญญัติละเอียดมากมาย เพราะจริงๆ แล้วสภาพธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก แม้แต่จิต เจตสิกละเอียด และลึกซึ้งมาก จนต้องเรียนจนกระทั่งลักษณะของจิตแต่ละประเภทที่แยกเป็นกุศลจิต อกุศลจิตต่างๆ มีความต่างกัน เพราะมีเจตสิกมากมายหลากหลายที่เกิดร่วมกัน ทำให้สภาพธรรมนั้น แม้เป็นนามธรรม ก็มีความต่างกัน โดยหลากหลายประเภท เราจะรู้ได้อย่างไร ก็ต้องรู้ได้จากการศึกษา เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงชื่อ แม้กระทั่งสภาพธรรมอย่างเดียวกัน ยังทรงแสดงชื่อไว้หลากหลายชื่อ เพราะว่าลักษณะของเขาเวลาปรากฏก็จะปรากฏต่างๆ กัน แม้กระทั่งโลภะ ก็มีกำลัง หรือความต่างกันมาก จึงแสดงศัพท์ที่จะให้เข้าถึงลักษณะของโลภะไว้หลากหลายศัพท์ โลภะ โทสะ โมหะ ก็มีความต่างกันโดยลักษณะของเขา การที่จะรู้ลักษณะของเขาได้ ก็ต้องศึกษาจากสิ่งที่ท่านแสดงเอาไว้นั่นเอง และยังลึกลงไปถึงความเป็นเหตุปัจจัยของธรรมที่เกิดขึ้นต้องอาศัยเหตุปัจจัย เพราะว่าปัญญาขั้นต้นรู้ลักษณะเฉพาะของนามธรรม และรูปธรรมแต่ละประเภทนั้น ปัญญาขั้นที่สูงไปยังรู้ถึงเหตุปัจจัยที่ทำให้นามธรรมรูปธรรมนั้นปรากฏ และนามธรรมรูปธรรมนั้นจะเกิดขึ้นก็ต้องอาศัยกัน และกันเกิดขึ้น ที่ใช้คำว่า “ปฏิจสมุปปาท” ก็ต้องอาศัยจากการศึกษาตั้งแต่ลักษณะโดยละเอียดต่างๆ และลักษณะที่เขาอาศัยกัน และกันอย่างไร โดยความเป็นปัจจัยต่างๆ เพื่อที่จะละการติดข้องที่เราเคยยึดถือ ไม่ว่าจะเป็นนามธรรมรูปธรรมที่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงแสดงแยกออกเป็นส่วนๆ ละเอียด เป็นผุยผงหมดเลย รูปก็เป็นแต่ละรูป นามธรรมก็เป็นแต่ละนามธรรม แต่ละประเภท เพื่อที่จะละการติดข้องที่เคยยึดถือว่า นามธรรม และรูปธรรมนั้นประชุมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน เป็นตัวเรา
เพราะฉะนั้นความเป็นตัวเราที่เรายึดถือมากมายมาเนิ่นนาน การฟังธรรมก็เพื่อให้เข้าถึงสิ่งที่เรายึดถือนั้น จริงๆ แล้วก็เป็นสภาพธรรมแต่ละชนิดที่อาศัยกัน และกันเกิดขึ้น
ที่มา ...