ความจริงของสิ่งที่มีจริง


    เด่นพงศ์ อาจารย์เคยพูดเสมอว่า เวลาเห็น หรือเวลาจับต้องอะไร สมมติเราจับเก้าอี้ อาจารย์ก็บอกว่าไม่มีเรา ผมก็เลยงงว่า แข็งคือเก้าอี้ หรือสภาพแข็งเป็นเก้าอี้ หรืออย่างไรครับ อธิบายกลับไปกลับมาก็เลยงง

    สุ. คุณเด่นพงศ์เคยอยู่ในห้องมืดไหมคะ

    เด่นพงศ์ เคยครับ

    สุ. เวลากระทบสัมผัส รู้ไหมคะว่า กระทบอะไร

    เด่นพงศ์ อาจจะไม่ทราบก็ได้

    สุ. ไม่รู้ว่าอะไร แต่แข็งมีไหมคะ

    เด่นพงศ์ แข็งมี

    สุ. นั่นแหละค่ะ คือ ลักษณะที่มีจริงๆ คือ แข็ง

    เด่นพงศ์ ตรงนั้นเรียกว่าอะไรครับ สภาพแข็ง

    สุ. มีจริง หรือเปล่า

    เด่นพงศ์ มีจริงครับ

    สุ. เป็นสภาพธรรม เป็นธาตุ

    เด่นพงศ์ แต่ท่านอาจารย์เคยใช้คำบ่อยๆ ว่า ธาตุรู้ สภาพรู้ว่าแข็ง

    สุ. ทุกอย่างเป็นธาตุ คือ เป็นธรรมซึ่งมีจริง ซึ่งใครก็เปลี่ยนลักษณะนั้นไม่ได้ นั่นคือความหมายของธาตุ ซึ่งเป็นความหมายเดียวกับธรรม ไม่ต้องเรียกอะไรก็เปลี่ยนลักษณะนั้นไม่ได้ ลักษณะนั้นก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่

    เด่นพงศ์ ถ้าอย่างนั้นผมจับเก้าอี้ ตายังเห็นอยู่ ไม่ใช่มืด แข็ง

    สุ. อะไรมีจริง เก้าอี้ หรือแข็งที่กำลังถูกกระทบ

    เด่นพงศ์ แต่เก้าอี้มันแข็ง

    สุ. ไม่ใช่ค่ะ ถ้าไม่มีแข็ง จะมีเก้าอี้ไหมคะ

    เด่นพงศ์ ไม่มีครับ

    สุ. เพราะฉะนั้นอะไรมีจริง

    เด่นพงศ์ แข็งมีจริงนะครับ

    สุ. รูปร่างอย่างนี้เรียกว่าเก้าอี้ เรียกแข็งรูปร่างอย่างนี้ว่าเก้าอี้ เรียกแข็งรูปร่างอย่างนั้นว่าโต๊ะ แต่ก็คือแข็ง แข็งเท่านั้นที่จริง

    เด่นพงศ์ เราจับเฉพาะส่วนเดียว ถูกนิ้วมือเรา เก้าอี้มันใหญ่กว่านั้น โต๊ะก็ใหญ่กว่านั้น เลยงงว่า เฉพาะส่วนที่เราแตะใช่ไหมที่ว่าแข็ง

    สุ. ก่อนที่จะฟังธรรมว่าอะไรจริง คนจริง เก้าอี้จริง โต๊ะจริง โดยความคิด แต่พอศึกษาธรรมแล้ว จะรู้ว่า อะไรที่จริง อะไรที่ไม่จริง อย่างแข็งนี่จริง หรือเปล่า

    เด่นพงศ์ คือกระผมทราบว่ามันจริง แต่ว่าอธิบายไม่ถูก

    สุ. เพราะฉะนั้นเป็นสภาพธรรมค่ะ เป็นสภาวธรรม มีลักษณะของตน ที่ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้

    เด่นพงศ์ ไม่มีโต๊ะ ไม่มีเก้าอี้

    สุ. ก็กระทบสัมผัส แข็งปรากฏ จะเป็นโต๊ะ เป็นเก้าอี้ได้อย่างไรคะ แค่แข็งจะเป็นเก้าอี้ได้อย่างไร แต่จำไว้ก่อนกระทบ

    เด่นพงศ์ แต่อาจารย์เคยพูดว่า สภาพเห็น กับสิ่งที่ปรากฏ มันงงครับ จะเรียกอย่างไรถึงจะเรียกถูก

    สุ. ถ้าไม่มีสิ่งที่ปรากฏทางตา คุณเด่นพงศ์เห็นอะไร

    เด่นพงศ์ ก็ไม่เห็นอะไร

    สุ. เพราะฉะนั้นเมื่อเห็นแล้วนึกถึงรูปร่างสัณฐาน จากการที่สิ่งที่ปรากฏทางตาเกิดดับอย่างเร็วมาก จนปรากฏนิมิตให้จำได้ว่าเป็นอะไร แต่ความจริงสิ่งที่มีจริง คือ สิ่งนั้นสามารถกระทบกับจักขุปสาท และก็ดับ

    เด่นพงศ์ เพราะฉะนั้นสิ่งที่มีจริงๆ ก็แค่สิ่งที่ปรากฏทางตา หรือแข็ง

    สุ. ถูกต้องค่ะ ใช้คำว่า “ปรมัตถธรรม” ธรรมที่มีจริงๆ ซึ่งใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้

    เด่นพงศ์ เราลืมว่า ตัวเราไปเห็น

    สุ. เวลาศึกษาธรรม ต้องเข้าใจว่า กำลังศึกษาธรรม ไม่มีเรา เราเคยคิดอย่างไร

    เด่นพงศ์ และไม่มีเก้าอี้

    สุ. ทั้งหมดเป็นธรรมค่ะ ซึ่งก็ได้แก่จิต ๑ เจตสิก ๑ รูป ๑ นิพพาน ๑

    เด่นพงศ์ ต้องคิดใหม่หมดเลย

    สุ. ธรรมที่มีจริง มีเท่านั้นค่ะ


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 288


    หมายเลข 12178
    27 ส.ค. 2567