ก่อนจะตาย มีอะไรเป็นอารมณ์


    วิจิตร ในมรณาสันนวิถี ก่อนจะตายจะมีกัมมอารมณ์ กัมมนิมิตอารมณ์ คตินิมิตอารมณ์ก่อนจะถึงจุติ

    สุ. จิตทุกขณะต้องมีอารมณ์ เพราะฉะนั้นจิตก่อนจะตาย จะมีอะไรเป็นอารมณ์

    วิจิตร ก็มีกัมมอารมณ์ มีกัมมนิมิตอารมณ์ คตินิมิต ใช่ไหมครับ

    สุ. เหมือนเดี๋ยวนี้ไหมคะ

    วิจิตร ไม่เหมือนครับ

    สุ. ถ้าเดี๋ยวนี้จะตาย จะต่างกันอย่างไร

    วิจิตร ก็เดี๋ยวนี้ยังไม่ตาย

    สุ. ตายได้ไหมคะ

    วิจิตร ได้ครับ

    สุ. ค่ะ เพราะฉะนั้นก่อนตายเดี๋ยวนี้ จะเหมือนกับตอนกล่าวถึงมรณาสันนวิถีอะไรไหม เพราะว่าการศึกษาธรรมต้องเข้าใจว่า ชื่อ หมายถึงอะไร มรณะ ตาย แล้วเราก็ไม่ได้เรียนภาษาบาลีที่จะรู้ว่า สันน แปลว่าอะไร ก็ต้องเรียนถามอาจารย์นิภัทรท่านรู้ภาษาบาลี

    อ.นิภัทร คือ มรณะ คำหนึ่ง อาสันน คำหนึ่ง และวิถี คำหนึ่ง ๓ คำ รวมกันแล้วเป็นมรณาสันนวิถี มรณะ ก็คือความตาย อาสันน แปลว่าใกล้ วิถี ก็คือทางที่จิตเดินที่ใกล้จะตาย ที่ท่านอาจารย์ถามว่า ขณะนี้ตายได้ไหม

    วิจิตร ได้

    อ.นิภัทร วิถีขณะนี้ที่เรานั่งอยู่อาจจะเกิดได้ มีอะไรเป็นอารมณ์

    วิจิตร ก็มีกัมมอารมณ์ กัมมนิมิต คตินิมิตเป็นอารมณ์

    อ.นิภัทร กัมมอารมณ์ รู้ หรือเปล่าว่าคืออะไร

    วิจิตร คืออารมณ์ที่ได้เคยทำไว้ เป็นอกุศลกรรม

    อ.นิภัทร นึกถึงการทำดีทำชั่วที่ตัวเองทำไว้เป็นอารมณ์ แล้วกรรมนิมิตล่ะ

    วิจิตร กรรมนิมิต ก็คือสิ่งที่จะพบในชาติหน้าเมื่อตายไปแล้ว

    อ.นิภัทร ก็ยังไม่ตาย แต่มีนิมิตนี้เกิดขึ้น กรรมนิมิต คือ เครื่องมือที่ใช้ในการกระทำกรรม เช่น เวลาจะตาย นึกถึงมีด นึกถึงดาบ นึกถึงหอก นึกถึงอวน ถึงแห ที่เคยใช้ในการทำบาป จึงเรียกว่า นิมิต คือ นึกถึงสิ่งที่ประกอบการกระทำ นึกถึงสิ่งที่ใช้ทำบาป ทำอกุศล หรือทำบุญ

    วิจิตร อันนั้นไม่ใช่กรรมอารมณ์ หรือครับ

    อ.นิภัทร อันนี้เป็นกรรมนิมิต เครื่องหมาย ส่วนคตินิมิต ก็นึกถึงภูมิที่จะไปเกิด อาจจะนึกถึงสวนนันทวันที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นึกถึงต้นปาริฉัตกชาติที่บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ อาจจะเห็นเทวดา

    วิจิตร กรรมทั้ง ๓ กลุ่มนี้ จะเกิดในช่วงไหน ในขณะที่ก่อนตายจะมีชวนะ อาจจะนึกถึงดอกไม้ นึกถึงอาหาร คือสิ่งที่ประสบก่อนตาย แล้วอันนี้จะแทรกเข้ามาได้อย่างไร

    สุ. ค่ะ แม้คำถาม และการที่จะพูดเรื่องนี้ เวลาจะตายจริงๆ คุณวิจิตรคงลืม ใช่ไหมคะ เพราะเหตุว่าเราไม่สามารถจะรู้ได้จริงๆ ว่า ใครจะตายเมื่อไร แต่ว่าการที่จะเข้าใจธรรมขณะนี้ ก็ทำให้เราสามารถรู้ได้ว่า ไม่ว่าจะตาย หรือจะเป็น จิตเกิดขึ้นต้องรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใด จะใกล้ตาย หรือไม่ใกล้ตายก็ตาม เมื่อเกิดมา แม้ขณะแรกที่เกิด จิตเกิดขึ้นต้องรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใด คือ อารมณ์ จิตเป็นสภาพรู้ สิ่งที่จิตกำลังรู้เป็นอารมณ์ และอารมณ์ก็มีชื่อต่างๆ เพื่อแสดงความต่าง อย่างอารมณ์ของปฏิสนธิจิต หรืออารมณ์ใกล้จะจุติ ก็มีชื่อแสดงให้เห็นความเป็นอารมณ์ที่เป็นไป

    เพราะฉะนั้นถ้าเราสามารถจะเข้าใจได้ว่า ความตายจะเกิดเมื่อไร แม้เดี๋ยวนี้ก็ได้ และขณะนี้เห็น หลังจากที่เห็นดับแล้ว ตายได้ไหม

    วิจิตร ตายได้

    สุ. เพราะฉะนั้นสิ่งที่ปรากฏทางตา เป็นอารมณ์ของจิตใกล้จุติ คือ ก่อนจุติ ได้ไหม

    วิจิตร ได้

    สุ . แต่เราไม่รู้ว่า จะเป็น หรือเปล่า ใช่ไหมคะ แต่ให้เข้าใจตามความเป็นจริงว่า อารมณ์ของผู้ใกล้จะตาย ก็ไม่ต่างกับอารมณ์ของคนที่ยังไม่ตาย และกำลังเป็น เพราะความตายจะเกิดขึ้นเมื่อไรได้หมดเลย ถ้าเรามีความเข้าใจจริงๆ เราก็จะเข้าใจความหมาย ขณะนั้นที่ใช้ชื่อนั้น หมายความถึงอย่างไร ถ้าขณะที่กำลังเห็น เห็นแล้ว สิ่งที่ปรากฏทางตาดับแล้วก็จริง จุติจิต คือ จิตเกิดขึ้นทำกิจเคลื่อนพ้นสภาพความเป็นบุคคลนี้ โดยก่อนจุติจิตเกิด มีสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาเป็นอารมณ์ ได้ ใช่ไหมคะ แต่เมื่อไม่ใช่จุติจิต ก็ไม่ได้กล่าวว่าชื่ออะไร หรือเรียกอะไร แต่เวลาที่จุติจิตเกิดต่อ อารมณ์นั้นเป็นกรรมนิมิตอารมณ์ คือ เป็นอารมณ์ของกรรมที่จะทำให้ปฏิสนธิต่อไปเป็นอะไร

    เพราะฉะนั้นแม้แต่กำลังเห็นขณะนี้ แล้วสิ่งที่ปรากฏทางตาดับแล้ว ตามปกติธรรมดาเมื่อภวังคจิตเกิดคั่นแล้ว มโนทวารวิถีจิตก็จะสืบต่อทันที แต่แทนที่จะเป็นมโนทวารวิถีจิตเกิดสืบต่อ จุติจิตก็เกิดต่อได้ หรือว่ามโนทวารวิถียังไม่สืบต่อ ภวังคจิตเกิดก่อน และจุติจิตก็เกิดได้ ก็เป็นปกติธรรมดา หรือว่ามโนทวารวิถีรู้ต่อ และจุติจิตก็เกิดได้ ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่ว่าจุติจิตจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ ขณะไหนก็ได้ เมื่อจิตที่เป็นกุศล หรืออกุศลที่เกิดใกล้ที่สุด คือ ก่อนจุติจิตเกิดแล้วก็ดับไป ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาว่า เราจะเลือกอารมณ์อะไร ที่จะให้เป็นอารมณ์ของปฏิสนธิในชาติหน้า ไม่มีใครรู้สึกตัวเลย เลือกมา หรือเปล่า สำหรับปฏิสนธิจิตของชาตินี้ ไม่มีทางเลย

    เพราะฉะนั้นเลือกอารมณ์ของปฏิสนธิจิตในชาติหน้าได้ไหม ไม่มีทางเลย แต่ให้เข้าใจความหมายว่า เป็นชีวิตปกติธรรมดา แต่ที่ใช้คำต่างกัน ก็เพราะเหตุว่า โดยกรรมที่ทำให้อารมณ์นั้นปรากฏ เลือกไม่ได้เลย แต่ละขณะที่กุศล อกุศลสะสมสืบต่อประมวลมาให้การที่ปฏิสนธิจิตเกิด ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรม ก็จะทำให้จิตใกล้จะจุติเป็นอกุศล ถ้าเป็นผลของกุศลกรรม ก็ทำให้กุศลจิตเกิดก่อนจุติจิต ซึ่งไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่า จุติจิตจะเกิดเมื่อวิถีจิตทางตาดับไปแล้ว ภวังคจิตคั่นแล้ว หรือมโนทวารเกิดรับต่อแล้ว แต่ให้เข้าใจว่า อารมณ์ที่ต่างกันก็เพราะเหตุว่า เป็นไปตามกรรมที่จะให้ผล ซึ่งขณะนี้มีใครบ้างที่คิดถึงกรรมที่กระทำแล้ว


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 294


    หมายเลข 12215
    27 ส.ค. 2567