พิจารณาจนเข้าใจถูกต้องตามลำดับขั้นเพิ่มขึ้น


    สุ. ถ้าไม่มีการฟังที่ทำให้เข้าใจขึ้น ไม่มีทางที่สติสัมปชัญญะเกิด หลงไปทำอย่างอื่น แต่ไม่มีทางรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ได้

    ผู้ฟัง เพราะฉะนั้นก็ต้องอดทน และมีความตั้งใจที่จะฟัง

    สุ. ไม่อย่างนั้นไม่ทรงแสดงเรื่องบารมี ๑๐ เมื่อมีบารมี ๑๐ ต้องเข้าใจด้วย ขณะนี้เป็นบารมีหรือเปล่า ขณะใดที่เข้าใจถูก เห็นถูก มีความอดทนที่จะเข้าใจยิ่งขึ้น อาจหาญร่าเริงที่จะรู้ว่า เมื่อความจริงเป็นอย่างนี้ วันหนึ่งก็สามารถที่จะรู้ความจริงนี้ได้แน่นอน อย่างเห็นกับได้ยิน ไม่พร้อมกัน วันหนึ่งต้องรู้ได้ ถ้าสติสัมปชัญญะกำลังตามรู้เห็น คือ ตรงเห็น สภาพที่กำลังเห็น ขณะนั้นไม่ใช่ได้ยิน เริ่มเห็นความต่าง ความห่างของสภาพธรรม ๒ อย่าง ก็ต้องเป็นผู้ตรง สัจจบารมี

    ผู้ฟัง คือฟังในเทป ท่านอาจารย์พูดตอนนี้ ก็จะมีบอกว่า เห็น ได้ยิน เกิดคนละขณะ ซึ่งเราฟัง และพิจารณาไตร่ตรอง ก็เป็นปัจจัยให้สติเรารู้อย่างนั้นจริงๆ รู้อย่างที่เราฟังจริงๆ ขณะนี้เรารู้เป็นเรื่องราว

    สุ. เพราะฉะนั้นทุกอย่างรู้ด้วยตัวเอง ต้องถามใครไหมว่า ฟังตอนนี้เป็นสติปัฏฐานหรือเป็นปัญญาขั้นฟัง ไม่ต้องถามเลย ถ้าถามคือไม่ใช่ปัญญา ไม่ใช่ความรู้ของตัวเอง

    เพราะฉะนั้นการฟังธรรม เพื่อพิจารณาจนเข้าใจถูกต้องตามลำดับขั้นเพิ่มขึ้น มิฉะนั้นจะประโยชน์อย่างไร ฟังแล้วไม่เข้าใจ แล้วต้องถามคนอื่น เสียเวลาที่ฟังแล้วไม่รู้เรื่อง


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 304


    หมายเลข 12261
    26 ส.ค. 2567