เกิดมาเปล่าๆ
สุ . แต่ละคำที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง เป็นความจริงทั้งหมดทุกคำ ปฏิเสธไม่ได้เลย แต่ว่าใครสามารถที่จะเข้าถึงอรรถ คือ ความจริงอันนั้น ก็ต้องเป็นผู้ที่ตรงต่อความจริง
เกิดมาก็เป็นผลของกรรมหนึ่งที่ได้กระทำแล้ว สุขทุกข์เรื่อยมาโดยตลอด และก็จากโลกนี้ไป โดยไม่เหลืออะไรเลย สุขก็หมดไป ทุกข์ก็หมดไป ความจริงก็ไม่รู้ เป็นอย่างไรคะ เกิดมาเปล่าๆ จริงๆ ใช่ไหมคะ คือ เกิดมาเห็น เปล่า คือ หมดแล้ว เกิดมาได้ยิน เปล่า คือ หมดแล้ว เกิดมาสุขอีก ก็เปล่าแล้ว คือ หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภพไหนในสังสารวัฏฏ์ จนกระทั่งถึงอรูปพรหมชั้นสูง ภวคพรหม ก็คือเปล่า ไม่รู้ความจริง เกิดมาแล้วก็หมดไป จะใช้คำว่า “เปล่า” ได้ไหม ในเมื่อขณะนั้นหมดแล้ว ไม่เหลือ แต่ก็มีสภาพธรรมซึ่งไม่ใช่เราเลย เกิดขึ้นสืบต่อตามเหตุตามปัจจัย สุขบ้าง ทุกข์บ้าง แล้วแต่ว่าจะเกิดในกาลไหน ก็เป็นเรื่องซึ่งอยู่ที่ว่า ถ้ามีโอกาสได้เห็นประโยชน์ ได้ฟังธรรม และรู้ว่าเป็นความจริง ก็ฟังเพื่อที่จะได้มีความมั่นคงในขั้นของการฟัง เพราะเหตุว่าถ้ามีความเข้าใจจริงๆ จะละความต้องการ แม้แต่ต้องการดับกิเลส เพราะเหตุว่ายิ่งฟังยิ่งรู้ว่า ถ้าขณะนี้ไม่ใช่การเข้าใจถูก เห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ จะดับกิเลสอะไร กิเลสเยอะเหลือเกินค่ะวันนี้ ไม่ชอบคนนั้นหรือเปล่าคะ ลองดูซิคะ ไม่ชอบใครบ้างหรือเปล่า แค่นี้ค่ะ ยอมสละความไม่ชอบไหม เพราะว่าเป็นอกุศล มีเมตตาได้ไหม เป็นเพื่อน มีความหวังดี พร้อมที่จะเกื้อกูลเป็นประโยชน์
เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า การศึกษาธรรม เพื่อรู้จักตัวเอง ที่เคยเข้าใจว่า มีตัวจริงๆ ให้รู้ว่า มีธรรมที่เป็นกุศล และอกุศล และปัญญาก็จะเห็นเองว่า อกุศลมีโทษ และกุศลไม่ได้มีโทษอย่างอกุศลเลย เพราะฉะนั้นถ้ามีความเห็นถูก ปัญญาก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น และรู้ลักษณะของสภาพธรรม เพราะว่ากุศลมีหลายขั้นด้วย กุศลขั้นทาน ขั้นศีล ขั้นความสงบ ก็ไม่สามารถออกจากสังสารวัฏฏ์ได้ แต่ปัญญาที่ค่อยๆ อบรม ค่อยๆ เห็นถูก เข้าใจถูก ก็จะเจริญขึ้น จนถึงกาลที่สามารถฟังพระธรรมคำไหน ก็เข้าใจในความหมายนั้น เพราะว่าได้เข้าใจจากขั้นการฟัง และการอบรม รู้จักตัวจริงๆ ของธรรม
ผู้ฟัง การสละคนที่เราไม่ชอบ มันยากครับ แต่สละคนที่เรารักเราชอบนี่ยากจริงๆ
สุ. ก็ขอถามว่า ขณะนี้สมมติว่า ไม่ชอบใครสักคนหนึ่งที่นี่ เปลี่ยนได้ไหมจากไม่ชอบ
ผู้ฟัง เปลี่ยนไม่ได้ครับ
สุ. ยากไหมละคะ
ผู้ฟัง ยากครับ ผมว่าเปลี่ยนจากคนที่ชอบ ผมว่ายากยิ่งกว่าเยอะเลยครับ
สุ. เมื่อวานนี้ก็มีการสนทนาธรรม และผู้ที่มาร่วมสนทนาก็พูดถึงผู้ร่วมงาน ซึ่งทำให้เขาโกรธ จนกระทั่งถึงวันนั้นที่พูด คือ เมื่อวานนี้ก็ยังโกรธ คิดดูซิคะ เขาไปอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ คนที่ทำให้โกรธ แล้วเขาก็ไม่ได้ทำให้โกรธอีก แต่ความจำที่ยังไม่ลืมว่า ยังโกรธเขาอยู่ และยังโกรธไปเรื่อยๆ ถ้าไม่มีปัญญา ก็โกรธต่อไปอีก แต่เห็นโทษไหมคะว่า ใครเดือดร้อน แล้วก็ชอบทำให้ตัวเองเดือดร้อน ใช่ไหมคะ แล้วก็ยังไม่ยอมทิ้งความเดือดร้อนนั้นด้วย ใครจะช่วยได้ นอกจากพระธรรม และปัญญาของตัวเอง
เพราะฉะนั้นการศึกษาธรรม ประโยชน์ คือ ได้รู้จักธรรมตามความเป็นจริง เมื่อปัญญาสามารถเห็นธรรมตามความเป็นจริง จึงจะเห็นว่า ธรรมใดเป็นอกุศล และธรรมใดเป็นกุศล ถ้ามิฉะนั้นแล้วก็มีตัวเรายึดมั่น มั่นคง ทั้งๆ ที่ได้ฟังอย่างนี้ เพราะความเป็นเรา ก็ไม่ยอมเปลี่ยน เพราะว่าไม่ใช่ปัญญา แต่ถ้าเป็นเรื่องของปัญญา ความเห็นถูก จะค่อยๆ เพิ่มกำลังขึ้น แล้ววันหนึ่งก็สามารถดับกิเลสได้ตามกำลังของปัญญา ของความเป็นพระอริยบุคคลตามลำดับ
ที่มา ...