การศึกษาทำให้คลายการยึดถือ


    ผู้ฟัง การเจริญสติปัฏฐาน เกิดยากเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ตาเราเห็น แต่เราก็ไม่รู้ สุขทุกข์ บางทีเราก็เผลอ ไม่รู้ เราก็หลงไปอยู่เรื่อยๆ ผมก็พยายามศึกษา ติดตามธรรมของท่านอาจารย์มาโดยตลอด แต่ก็ยังเอาดีไม่ได้ ตอนนี้ก็ยังหนาแน่นด้วยอกุศลมากมายไปหมด

    สุ. ก็ฟังให้เข้าใจ ต้องการอะไรอีกคะ หรือว่าต้องการอย่างอื่นที่ไม่ใช่ความเข้าใจถูกต้อง

    ผู้ฟัง ก็อกุศลอีก อยากให้สติเกิดบ่อยๆ วันละหลายๆ ครั้ง แต่ทีนี้ไม่ค่อยจะเกิด บางทีบางวันไม่เกิดเลย ถ้าผมไปเทปฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์ ตอน ๖ โมงเช้าก็ดี ๖ โมงเย็นก็ดี ถ้าผมมีเวลา มีโอกาสก็เปิดฟัง ช่วงนั้นก็จะได้บุญ ได้กุศล กุศลจิตเกิดบ้าง ถ้าออกจากบ้านไป หรือไปทำภารกิจการงานอย่างอื่น มันไม่ค่อยจะเกิดเลยครับ

    สุ. นี่คือความจริงใช่ไหมคะ และอยากให้ไม่จริงอย่างนี้หรือ จริงอย่างนี้ ขณะนี้คือยังจะต้องฟังให้เข้าใจขึ้น แต่จะอยากรู้สิ่งที่ไม่สามารถรู้ได้ เพราะว่ายังไม่เข้าใจพอ เพราะฉะนั้นสิ่งนี้ที่จริง คือ ความเข้าใจระดับนี้ ก็จริงขณะนี้ จะต้องการสิ่งที่ไม่ใช่ความจริงในขณะนี้ คือ จะอยากรู้สิ่งที่ไม่สามารถรู้ได้ เพราะไม่มีเหตุพอที่จะรู้ หรืออย่างไรคะ

    ผู้ฟัง คงไม่มีเหตุพอที่จะรู้ หรืออินทรีย์ผมคงจะอ่อนมาก

    สุ. ก็ตามความเป็นจริง รู้ตามความเป็นจริงว่า ขณะนี้มีเห็น กำลังฟังเรื่องนี้ เข้าใจแค่ไหน สามารถรู้ลักษณะที่กำลังเห็นหรือเปล่า หรือว่าเห็นขณะนี้เกิดดับ ไม่มีใครรู้เลย กำลังเพียงฟังเรื่องของเห็น ซึ่งเป็นจิตประเภทหนึ่ง

    จิตที่มากด้วยความคิด เพราะอะไรคะ ขณะเห็น ไม่คิด กำลังเห็น คิดไม่ได้ ขณะที่ได้ยินก็ไม่คิด เพราะเหตุว่ากำลังมีเสียงปรากฏ คิดไม่ได้ แต่หลังจากเห็นแล้ว ได้ยินแล้ว ได้กลิ่นแล้ว ลิ้มรสแล้ว รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกายแล้ว คิดทั้งนั้น แล้วแต่ว่าขณะนั้นจะคิดเรื่องอะไร ตั้งแต่เช้ามาจนกระทั่งถึงเดี๋ยวนี้ มีเหตุพอที่จะรู้ประจักษ์แจ้งความจริงของสิ่งที่กำลังเป็นอย่างนี้ ในขณะนี้หรือยัง ถ้าไม่มี ก็ฟังต่อไป เพื่อจะได้เข้าใจขึ้น เพราะว่าไม่ใช่เราที่สามารถรู้ความจริงของสภาพธรรม แต่ต้องเป็นปัญญา คือ ความเห็นที่ถูกต้อง ความเข้าใจที่ถูกต้องในสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏ ถ้ายังเข้าใจไม่ได้ แล้วจะไปพยายาม แล้วไม่รู้สักทีหนึ่ง ก็คิดไปเรื่อยๆ แต่ว่าเหตุไม่พอที่จะให้รู้ความจริงอย่างนั้น

    อ.ธิดารัตน์ การศึกษาพื้นฐานพระอภิธรรม หรือศึกษาเรื่องจิต เจตสิก รูปที่เป็นปัจจัยซึ่งกัน และกันอย่างละเอียด ก็ทำให้เราค่อยๆ เข้าใจว่า เป็นธรรมในแต่ละขณะ ซึ่งแยกย่อยออกไป และละเอียดมาก การศึกษาก็ทำให้คลายการยึดถือการเห็น การได้ยินว่าเป็นตัวเรา เป็นสัตว์ เป็นบุคคลต่างๆ เข้าใจว่าเป็นธรรมมากขึ้น และมั่นคงจนเป็นธรรมแต่ละขณะที่ปรากฏ ความเข้าใจมั่นคงว่าเป็นธรรมมากขึ้น ก็ทำให้สนใจในลักษณะของธรรมที่มี ไม่ว่าจะเป็นการเห็น การได้ยิน เป็นธรรมอย่างไร การศึกษาเช่นนี้ก็จะค่อยๆ เป็นปัจจัยให้รู้ลักษณะของธรรมที่มีปรากฏในชีวิตประจำวันว่า เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่างได้ มีการระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงนั่นเอง

    ก่อนจะไปถึงการระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ก็ต้องเริ่มต้นตั้งแต่ฟังจนกว่าจะเข้าใจมั่นคงว่าเป็นธรรมในแต่ละขณะจริงๆ ที่ไม่ใช่เรา เพราะความเป็นเราจะมีอยู่มากจนบางครั้งไม่รู้ตัวเลยว่า การเห็นนี่ก็ยึดแล้วว่าเป็นเราเห็น หรือความรู้สึกเจ็บ ปวด ดีใจ เสียใจต่างๆ เป็นเราอยู่ตลอดเวลา กว่าจะรู้ว่าเป็นเพียงสภาพธรรม หรือเป็นลักษณะของนามธรรมประเภทหนึ่งเท่านั้น โดยมีลักษณะที่ต่างๆ กันตามลักษณะที่ศึกษา การศึกษาก็จะทำค่อยๆ ทำความเข้าใจได้ในขั้นการศึกษา จนกระทั่งมั่นคง จนเป็นปัจจัยให้มีลักษณะอย่างนั้นปรากฏตามความเป็นจริง อันนี้ก็คือการศึกษาพระอภิธรรม เพื่อให้เข้าใจพระอภิธรรมที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน

    อ.ธีรพันธ์ ธรรมเป็นเรื่องยากจริงๆ ที่จะรู้ความจริง แม้กระทั่งการศึกษาเรื่องวิถีจิต วิถีมุตจิตก็ตาม ถ้าไม่เป็นผู้มีปกติอบรมเจริญสติปัฏฐาน ก็เป็นการศึกษาเรื่องชื่อ เป็นการศึกษาเรื่องราวไปทั้งหมดเลย ไม่รู้ตามความเป็นจริงด้วยซ้ำไปว่า ขณะที่เป็นอกุศลเกิดแล้ว แต่ไม่รู้ เป็นไปกับอกุศลแล้ว เพราะฉะนั้นเป็นผู้ฟัง ศึกษา พิจารณา ต่อไปครับ


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 350


    หมายเลข 12482
    25 ส.ค. 2567