รูปที่น่าพอใจ หริอ ไม่น่าพอใจ


    ผู้ฟัง วิบากที่เป็นกุศล และอกุศล รู้ยาก แต่ก็ยังอยากได้รับคำอธิบายจากท่านอาจารย์เพื่อจะได้มีความเข้าใจถูกต้องขึ้น เพราะว่าถ้าไม่เกิดความเข้าใจในจุดนั้น ก็ยังเข้าใจผิดอยู่ว่า เมื่อไรที่เราเกิดอกุศลจิต คือ โทสะ ความไม่พอใจในเสียงที่ได้ยิน แล้วเราก็เข้าใจผิดว่า เป็นอกุศลวิบากที่เราได้รับ แต่จริงๆ เป็นลักษณะของโทสมูลจิตที่เกิดมากกว่า ก็ไม่เข้าใจว่า สิ่งที่เข้าใจในปัจจุบันยังตรงอยู่หรือเปล่าค่ะ

    สุ. พระอรหันต์ได้ยินไหมคะ

    ผู้ฟัง ได้ยินค่ะ

    สุ. เสียงเดียวกันเลยนะคะ

    ผู้ฟัง ค่ะ

    สุ. แล้วท่านมีโทสะที่จะไม่ชอบไหม

    ผู้ฟัง ไม่มีอกุศล

    สุ. ค่ะ แต่ว่าคนที่ไม่ใช่พระอรหันต์ ได้ยินเสียงเดียวกัน จะเกิดโทสะก็ได้ เพราะฉะนั้นจิตที่ได้ยินไม่ว่าจะของใคร เป็นอะไร ถ้าจะคิดว่าเพราะเราไม่พอใจ เราก็มาคิดเองว่า ขณะนั้นต้องเป็นอกุศลวิบาก แต่พระอรหันต์ท่านก็ได้ยินเหมือนกัน ท่านก็มีกรรมที่ได้กระทำแล้ว ที่จะทำให้ได้ยินเสียง หรือเห็น หรือได้กลิ่น ลิ้มรส ก็แล้วแต่ ตามกาลของกรรมที่จะให้ผล แต่หลังจากนั้นแล้วไม่มีกิเลสใดๆ เลย แล้วจะกล่าวว่าอย่างไรคะ สิ่งที่ปรากฏเป็นอิฏฐารมณ์หรืออนิฏฐารมณ์ สำหรับพระอรหันต์ ในเมื่อท่านไม่มีอกุศลใดๆ เลยทั้งสิ้น

    เพราะฉะนั้นชวนะ หรือการที่กุศลจิตหรืออกุศลจิตซึ่งเกิดหลังเห็น หลังได้ยิน ไม่ใช่การตัดสิน ต้องแยกกันโดยละเอียด เราจะคิดอย่างไรก็ได้ แต่ว่าถ้ากล่าวถึงธรรมโดยละเอียดก็คือ จิตที่เป็นกุศลไม่ใช่กุศลวิบาก เพราะว่ากุศลเป็นเหตุในอดีต ส่วนกุศลวิบากก็เป็นผล เกิดขึ้นเพราะเหตุในอดีตที่ได้กระทำแล้ว

    อ.ธิดารัตน์ ถ้าพูดถึงลักษณะของเสียง อาจจะเข้าใจได้ยาก เพราะว่าเสียงที่เราไม่รู้ความหมายก็ทำให้งง ซึ่งจริงๆ แล้ว ถ้าพูดถึงลักษณะของเสียง ถ้าเสียงนั้นเกิดจากอกุศลจิตที่เป็นปัจจัยให้มีการกล่าวเสียงนั้น ซึ่งเป็นเสียงด่า จะเป็นภาษาใดก็ตาม เพียงแต่เราฟังไม่เข้าใจ แต่เสียงนั้นเกิดจากอกุศลจิตเป็นปัจจัย ก็ต้องเป็นเสียงที่ไม่ดี ถูกไหมคะ อันนี้ตามการศึกษา แต่ถ้ายกตัวอย่างทุกข์ทางกาย ง่ายมากเลย พระอรหันต์ท่านก็ยังมีทุกข์ทางกาย จิตที่รู้ทุกข์ทางกาย ก็ต้องเป็นอกุศลวิบากจิต แต่ชวนะของท่านก็เป็นมหากิริยา

    สุ. อีกนิดหนึ่งก็คือ การที่เราจะพิจารณาธรรมต้องละเอียด เมื่อกี้อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราพอจะรู้ว่า ขณะนั้นเป็นกุศลวิบากหรืออกุศลวิบาก เพราะว่ากล่าวถึงเสียงที่เกิดจากอกุศล ถ้าเกิดจากโลภะละคะ เสียงที่เกิดจากโลภะ โลภมูลจิตก็เป็นอกุศล เพราะจังเลย ทั้งดนตรี ทั้งเสียงเพลง เพลงเดียวกัน แต่นักร้องบางคนร้องได้เพราะมาก อกุศลทั้ง ๒ คนเลย ใช่ไหมคะ ส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเข้าใจคืออย่างที่คุณธิดารัตน์กล่าว เพราะว่าเราคิดถึงโทสมูลจิต เสียงที่เกิดจากโทสะ แต่โลภะก็เป็นอกุศลเหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องที่เราจะมีปัญญาไปตัดสินเลย แต่เป็นการพิจารณาถึงสภาพธรรมที่เราจะรู้ได้เมื่อไร ก่อนอื่นต้องรู้ว่า ไม่ใช่ตัวตน เพราะเป็นลักษณะของของนามธรรมที่เป็นเพียงธาตุรู้ ซึ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เพียงรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้วก็ดับไป และสำหรับรูปก็ต้องต่างกันแน่นอน รูปที่น่าพอใจกับรูปที่ไม่น่าพอใจ แต่จะเอาความรู้สึกของเรา หรือความสบายใจไม่สบายใจของเราเป็นเครื่องตัดสินก็ไม่ได้ เพราะว่าตามความเป็นจริง กรรมทำให้กุศลวิบากจิตเกิดขึ้นรู้สิ่งที่น่าพอใจ ไม่ว่าจะเป็นทางหนึ่งทางใดใน ๕ ทาง ทางตา หรือทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ถ้าเป็นอกุศลกรรม ก็จะทำให้รู้สิ่งที่ไม่น่าพอใจ ไม่ว่าจะเป็นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย เท่านี้ที่พอจะรู้ได้ ถ้าใครอยากจะรู้เกินกว่านี้ มีทางเป็นไปได้ไหม ในเมื่อเราไม่มีปัญญาระดับที่สามารถจะบอกได้ แต่สามารถเข้าใจได้ว่า กุศลวิบากเป็นผลของกุศลกรรม อกุศลวิบากเป็นผลของอกุศลกรรม


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 350


    หมายเลข 12484
    25 ส.ค. 2567