วิการรูป มีเฉพาะในสัตว์ บุคคล
ท่านอาจารย์ สำหรับคำว่า “วิการรูป” ขอคำแปลด้วย
อ.คำปั่น “วิการรูป” หมายถึง รูปที่ทำให้รูปผิดไปจากเดิม เป็นรูป ๓ รูป คือ ลหุตารูป เป็นรูปที่เบา มุทุตารูป เป็นรูปที่อ่อน และกัมมัญญตารูป เป็นรูปที่ควรแก่การงาน เป็นอาการของสภาวรูป
ท่านอาจารย์ ทิ้งความหมายเดิมไม่ได้เลย ต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้อง เวลาจับสำลี เบาไหม เป็นวิการรูป หรือไม่
ผู้ฟัง ไม่เป็น
ท่านอาจารย์ ไม่เป็น และดินแข็งๆ เราก็นำน้ำไปรดจนเปียก นุ่มอ่อนขึ้น เป็นวิการรูป หรือไม่
ผู้ฟัง ไม่เป็น
ท่านอาจารย์ เพราะอะไร เพราะรูปนั้นแต่เดิมแข็งแล้วก็ทำให้อ่อน
ผู้ฟัง เป็นปฐวี
ท่านอาจารย์ ใช่ปฐวีนั่นเอง เพราะฉะนั้นอาการวิการจะเป็นอาการวิการของรูปอื่นไม่ได้ทั้งสิ้น เพราะเหตุว่าวิการรูปเป็นอุปาทายรูป ต้องเกิดกับมหาภูตรูป เพราะฉะนั้นมหาภูตรูปที่มีลักษณะของรูปที่ทำให้มหาภูตรูปนั้นวิการจากปกติธรรมดา มีรูปนั้นรวมอยู่ที่ใด มหาภูตรูปนั้นก็วิการเพราะมีวิการรูปเกิดร่วมด้วย เพราะฉะนั้นที่ถามว่า ดินแข็งๆ แล้วนำน้ำไปรดให้เปียกชุ่ม มีวิการรูปไหม เปลี่ยนลักษณะจากแข็งแล้ว มีวิการรูปไหม คือ ความเข้าใจไม่ชัดเจน แล้วก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ถ้าไม่ชัดเจน แต่ถ้าเป็นความเข้าใจที่ชัดเจนไม่เปลี่ยน เพราะว่าวิการรูป แม้ว่าสิ่งอื่นจะเบา และดูเหมือนว่าจะอ่อน จะควรแก่การงาน อย่างทองเอาไปลนไฟ ก็สามารถจะเปลี่ยนรูปเป็นเเหวน เป็นอะไรก็ได้ แต่ทองที่กำลังถูกลนไฟอ่อนนั้น มีวิการรูปไหม เพราะฉะนั้นจากทองที่แข็งเป็นทองที่อ่อน ควรแก่การงาน นำไปทำเป็นแหวนก็ได้ กำไลก็ได้ ขณะนั้นทองนั้นมีวิการรูปไหม
ผู้ฟัง ถ้าเป็นทองจะไม่มีวิการรูป แต่ถ้าวิการรูปจะเป็นความเบา ความอ่อน ความควรแก่การงาน มิฉะนั้นก็จะอยู่ในร่างกายเราที่จะรู้ได้ เข้าใจแบบนี้
ท่านอาจารย์ บางทีความเข้าใจมาจากจำ แต่ถ้าเข้าใจในเหตุผลจริงๆ ก็จะทำให้ไม่ลืมด้วย ไม่ใช่เพียงแต่ไปจำ เมื่อไปเจอที่อื่น หรือเจอข้อความคลาดเคลื่อนคล้ายคลึง ก็จะทำให้ความเข้าใจนั้นเขวไป เพราะต้องทราบว่า วิการรูปมีในสัตว์ บุคคล แต่ต้นไม้ต่อให้เปลี่ยนลักษณะอย่างไรก็ตาม ทำให้นุ่มขึ้น หรืออะไรขึ้นก็ตาม ไม่ใช่วิการรูป เพราะฉะนั้นวิการรูป ๓ รูป คือ อาการวิการของธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม เมื่อมีวิการรูปเกิดร่วมด้วย และวิการรูปมีสมุฏฐานซึ่งทำให้เกิด คือ จิตเป็นสมุฏฐานให้วิการรูปเกิดก็ได้ อุตุเป็นสมุฏฐานให้วิการรูปเกิดก็ได้ อาหารเป็นสมุฏฐานให้วิการรูปเกิดก็ได้ แต่ต้องภายในสัตว์ บุคคล ไม่ใช่ข้างนอก
ผู้ฟัง ต้องมีกรรมเป็นสมุฏฐานด้วยใช่ไหม
ท่านอาจารย์ กรรมเป็นปัจจัยให้เกิดเป็นสัตว์ บุคคล เช่น อสัญญสัตตาพรหมไม่มีจิตเลย แต่การที่จะเกิดเป็นอสัญญสัตตาพรหม มีแต่รูปปฏิสนธิเป็นพรหม ในอสัญญสัตตาภูมิ เกิดเพราะกรรมเป็นสมุฏฐาน แม้อย่างนั้นรูปนั้นก็มีวิการรูป แต่เกิดจากอุตุ นี่เป็นสิ่งที่เราต้องรู้ละเอียด เพราะไม่มีจิต ไม่มีอาหาร
ผู้ฟัง แต่ถ้าเราบอกว่า สัตว์ บุคคลเกิดเพราะกรรมเป็นปัจจัย
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นเป็นสัตว์ บุคคล รูปนั้นจึงวิการได้ เมื่อมีวิการรูปเกิดร่วมด้วยในกลุ่มใด กลุ่มนั้นก็มีอาการวิการของธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม แต่กรรมไม่ได้เป็นสมุฏฐานให้เกิดวิการรูป วิการรูปจะเกิดเพราะจิตเป็นสมุฏฐาน อุตุเป็นสมุฏฐาน อาหารเป็นสมุฏฐาน สำหรับสิ่งที่มีชีวิตซึ่งเกิดจากกรรมเท่านั้น เพราะฉะนั้นเราสามารถรู้วิการรูปได้ไหม ฟังเรื่องวิการรูปเข้าใจว่า รูปนี้มีแน่ๆ แต่จะรู้ได้ไหม และรู้ได้ทางไหน
ผู้ฟัง ทางใจ
ท่านอาจารย์ ถ้าจะรู้ได้ก็รู้ได้ทางใจ ฉะนั้นให้เรามุ่งไปรู้วิการรูปได้ไหม ในเมื่อทางกายมีสิ่งที่กระทบสัมผัสที่เย็น หรือร้อน หรืออ่อน หรือแข็ง ส่วนอาการวิการจะไม่ปรากฏทางกาย แม้ว่ารูปนั้นมีวิการรูปเกิดร่วมด้วย นี่ก็แสดงให้เห็นว่า การศึกษาธรรมต้องละเอียด และตรง จะทำไม่ให้เข้าใจคลาดเคลื่อน เราสามารถเห็นวิการรูปได้ไหม? สามารถกระทบสัมผัสวิการรูปได้ไหม? เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นโผฏฐัพพารมณ์ จึงเป็นเพียง ๓ รูป ไม่ได้รวมวิการรูปด้วย
เมื่อจิตมีความประสงค์จะให้กายเคลื่อนไหว หรือทรงอยู่ในลักษณะหนึ่งลักษณะใดก็ตาม ขณะนั้นรูปนั้นเกิดขึ้นเพราะจิตประสงค์ให้รูปนั้นเป็นอย่างนั้น ใครจะรู้ หรือไม่รู้ ไม่สำคัญ เพราะอะไรทำไมว่าคนอื่นไม่สำคัญ ก็รูปนั้นเกิดเพราะจิตใด ไม่ใช่จิตของคนอื่น เพราะฉะนั้นเมื่อจิตนี้เป็นปัจจัยให้เกิดรูปที่เป็นไปตามความประสงค์ของจิตนี้ ไม่ใช่จิตอื่นมาทำให้รูปนี้เป็นไปตามความประสงค์ แต่เมื่อจิตนี้เกิดขึ้นทำให้รูปเป็นไปตามความประสงค์ของจิตที่จะให้คนอื่นเข้าใจ แต่ถ้าคนอื่นไม่เข้าใจก็เรื่องของคนนั้น แต่รูปนี้เกิดแล้วตามความประสงค์ของจิต
ที่มา ...