ปัตติทาน และ ปัตตานุโมทนาทาน
กุศลที่เป็นไปกับทานนั้นมี ๓ คือ
๑. ทาน การให้สิ่งที่เป็นประโยชน์กับผู้รับ
๒ . ปัตติทาน การอุทิศส่วนกุศลให้ผู้อื่นอนุโมทนา เช่น เวลาที่ปรารภบุคคลหนึ่งบุคคลใด หรือว่าพวกหนึ่งพวกใดขึ้น แล้วถวายทานอุทิศส่วนกุศลให้กับบุคคลนั้น
สำหรับกุศลที่เป็นไปในทานอีกประการหนึ่ง คือ
๓. ปัตตานุโมทนาทาน การอนุโมทนาส่วนกุศลที่บุคคลอื่นกระทำ และอุทิศให้ หรือการอนุโมทนาในกุศลของผู้อื่น ซึ่งก็ต้องเนื่องกัน คือ ต้องมีทาน การให้ และเมื่อมีทานการให้แล้ว ก็มีการอุทิศส่วนกุศลที่ได้กระทำทานนั้นให้บุคคลอื่นอนุโมทนา และบุคคลอื่นจะได้รับผลของการอุทิศส่วนกุศลให้ ก็ด้วยการอนุโมทนาของตนเอง
สำหรับภูมิที่จะได้รับอุทิศส่วนกุศล พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับชาณุสโสณี พราหมณ์ ใน อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต ชาณุสโสณีสูตร ซึ่งมีข้อความว่า
ทานที่อุทิศให้ผู้ล่วงลับ ย่อมสำเร็จในฐานะ และย่อมไม่สำเร็จในอฐานะ
อฐานะ คือ ไม่สำเร็จแก่บุคคลที่เกิดในนรก สัตว์ดิรัจฉาน มนุษย์ เทวโลกย่อมสำเร็จแก่ผู้ที่เกิดในเปรตวิสัย คือ พวกเปรตพวกเดียว
ซึ่งข้อความนี้พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกร พราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ฆ่าสัตว์ และกระทำอกุศลกรรมอื่น ตลอดจนถึง มีความเห็นผิด บุคคลนั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงเปรตวิสัย เขาย่อมเลี้ยงอัตภาพอยู่ในเปรตวิสัยนั้น ย่อมตั้งอยู่ในเปรตวิสัยนั้น ด้วยอาหารของสัตว์ผู้เกิดในเปรตวิสัย หรือว่าญาติ อำมาตย์ หรือสาโลหิตของเขา ย่อมเพิ่มให้ซึ่งปัตติทานมัยจากมนุษยโลกนี้ เขาเลี้ยงอัตภาพอยู่ในเปรตวิสัยนั้น ย่อมตั้งอยู่ในเปรตวิสัยนั้นด้วยปัตติทานมัยนั้น ดูกร พราหมณ์ ฐานะอันเป็นที่เข้าไปสำเร็จแห่งทานแก่สัตว์ผู้ตั้งอยู่นี้แล เป็นฐานะ
คือ ฐานะของบุคคลที่จะได้รับอุทิศส่วนกุศล อนุโมทนาได้ และได้รับผล ได้แก่ พวกเปรต เพราะฉะนั้น ถ้าญาติมิตรสหายของท่านสิ้นชีวิตลง ถ้าเกิดในนรกเกื้อกูลไม่ได้ เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานก็เกื้อกูลไม่ได้ แต่ถ้าเกิดเป็นเปรตแล้ว ท่านสามารถกระทำบุญกุศล และอุทิศส่วนกุศลนั้นให้เปรต ซึ่งเป็นญาติมิตรสหายอนุโมทนาได้ ซึ่งก็เป็นธรรมเนียมที่พุทธศาสนิกชนประพฤติปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่ในครั้งพุทธกาล
เรื่องการที่จะกระทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติมิตรสหายนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแสดงกับพระเจ้าพิมพิสาร ใน ปรมัตถโชติกา อรรถกถา ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ ติโรกุฑฑกัณฑ์ มีข้อความว่า คลิกที่นี่
ที่มา ...