สติเกิดพร้อมกับวิบากหรือไม่


    ขอตอบจดหมายของพระคุณเจ้ารูปหนึ่ง จากวัดญาณสังวราราม ตำบล ห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี วันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๒๙

    มีคำถาม ๓ ข้อ

    ๑. สติเกิดพร้อมกับวิบากหรือไม่

    ๒. เมื่อรู้ลักษณะความต่างกันของการมีสติ และหลงลืมสติแล้ว จะพิจารณาอะไรต่อไป อย่างไร

    ๓. ช่วยยกตัวอย่างรูปทางใจ มีรูปอะไรที่จะรู้ได้บ้าง

    คำถามข้อ ๑. สติเกิดพร้อมกับวิบากหรือไม่

    วิบากเป็นผลของกรรม ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรม ไม่มีสติเกิดร่วมด้วยแน่นอน สำหรับกุศลกรรม ให้เป็นผลต่างกันเป็น ๒ ประเภท คือ กุศลกรรมที่เป็นกามาวจรกุศล เช่น ทาน ศีลที่ได้กระทำแล้ว ให้ผลเป็นอเหตุกกุศลวิบาก ๘ ดวง และเป็นมหาวิบาก ๘ ดวง ซึ่งบางท่านอาจจะมีมหาวิบากไม่ครบ ๘ แต่ทุกท่านต้องมีอเหตุกกุศลวิบากครบทั้ง ๘ ดวง

    อเหตุกกุศลวิบาก ได้แก่ จักขุวิญญาณกุศลวิบาก ๑ โสตวิญญาณกุศลวิบาก ๑ ฆานวิญญาณกุศลวิบาก ๑ ชิวหาวิญญาณกุศลวิบาก ๑ กายวิญญาณกุศลวิบาก ๑ สัมปฏิจฉันนกุศลวิบาก ๑ สันตีรณกุศลวิบาก ๒ คือ อุเปกขาสันตีรณะ ๑ และ โสมนัสสันตีรณะ ๑ นี่เป็นอเหตุกกุศลวิบากซึ่งทุกคนมีครบเมื่อมีตา มีหู มีจมูก มีลิ้น มีกาย ขณะใดที่กุศลให้ผลก็ทำให้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกายที่น่าพอใจ

    สำหรับอเหตุกะที่เป็นกุศลวิบาก ไม่มีสติเจตสิกเกิดร่วมด้วย แต่ถ้าเป็น มหาวิบาก มีสติเจตสิกเกิดร่วมด้วย

    นี่เป็นคำตอบข้อที่ ๑ ซึ่งทุกท่านที่ไม่ได้ตาบอดตั้งแต่กำเนิด ไม่ใช่คนพิการตั้งแต่กำเนิด ไม่มีใครรู้ได้ว่า ขณะที่นอนหลับสนิท ภวังคจิตเป็นมหาวิบาก มีสติเจตสิกเกิดร่วมด้วย เพราะใครจะรู้สภาพของเจตสิกที่เป็นวิบากที่เกิดกับวิบากจิต ที่เป็นภวังค์ได้ แต่เมื่อเป็นผลของกุศล และเป็นมหาวิบาก ต้องมีสติเจตสิกเกิด ร่วมด้วย แต่ต่างกับสติเจตสิกที่เกิดกับกุศลจิต นี่เป็นเหตุที่วิบากจิตรู้ได้ยากกว่า กุศลจิต และอกุศลจิต โดยชาติ


    ที่มา ...

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1524


    หมายเลข 13078
    14 ก.ย. 2567