คุณของพระสังฆรัตนะ
ถ้าท่านผู้ฟังพิจารณาถึงจิตของผู้ที่สามารถจะประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยได้จนกระทั่งสามารถที่รู้แจ้งอริยสัจธรรมได้ ย่อมจะเห็นคุณของพระสังฆรัตนะที่เป็นไปได้ยาก ไม่ใช่เป็นไปได้ง่าย
การที่จะดับกิเลสรู้แจ้งอริยสัจธรรมไม่ใช่ของง่าย แม้ว่าจะได้บวชเป็นบรรพชิต เป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาแล้ว ถ้าเหตุยังไม่สมควรแก่การที่จะได้รู้แจ้งอริยสัจธรรม ก็ไม่สามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมได้ แต่ท่านเหล่านั้นก็ยังเป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย และอบรมเจริญปัญญาที่จะขัดเกลากิเลส ดับกิเลสได้ในวันหนึ่ง
ขอกล่าวถึงข้อความใน ขุททกนิกาย เถรีคาถา โรหิณีเถรีคาถา ซึ่งเป็นข้อความที่แสดงถึงว่า เหตุใดสมณะจึงเป็นที่รัก เพราะว่าผู้ที่จะมีความเคารพ นอบน้อมสักการะในพระสงฆ์ คือ พระสังฆรัตนะ ย่อมเป็นผู้ที่รู้คุณของการที่บุคคลนั้นสามารถที่จะประพฤติธรรมดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉท
ข้อความมีว่า
บิดาถามเราว่า
ดูกร แม่โหริณีผู้เจริญ เจ้าเห็นสมณะนี้ว่าเป็นสมณะ รู้สึกว่าเป็นสมณะ สรรเสริญสมณะทั้งหลาย เจ้าเห็นจักเป็นสมณะเป็นแน่แท้ เจ้าได้ถวายข้าวน้ำอันไพบูลย์แก่สมณะทั้งหลาย ดูกร แม่โรหิณี บัดนี้ เราจักขอถามเจ้า เพราะเหตุไร สมณะทั้งหลายจึงเป็นที่รักของเจ้า สมณะล้วนแต่เป็นผู้ที่ไม่ใคร่ต่อการงาน เกียจคร้าน อาศัยสิ่งของที่คนอื่นให้เลี้ยงชีวิต เป็นผู้มีความหวังอาหาร และเครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น แต่คนอื่น ใคร่ต่ออาหารอันอร่อยดี เพราะเหตุไรสมณะทั้งหลายจึงเป็นที่รักของเจ้า
เราตอบท่านว่า
ข้าแต่คุณพ่อ คุณพ่อถามดิฉันถึงคุณความดีของสมณะทั้งหลายมานานแล้ว ดิฉันจักชี้แจงคุณความดี คือ ปัญญา ศีล และความบากบั่นของสมณะเหล่านั้นให้ทราบ สมณะทั้งหลายเป็นผู้ใคร่ต่อการงาน ไม่เกียจคร้าน ทำแต่การงานอันประเสริฐสุด ย่อมละราคะ และโทสะได้ เพราะเหตุนั้นสมณะทั้งหลายจึงเป็นที่รักของดิฉัน
ไม่ได้เกียจคร้านเลยสำหรับผู้ที่อบรมเจริญปัญญาที่จะดับกิเลสเป็นสมุจเฉท เพราะว่าการงานนั้นเป็นการงานที่ประเสริฐสุด
สมณะทั้งหลายย่อมกำจัดรากเหง้าทั้ง ๓ ของบาป มีปกติทำแต่กรรมอันสะอาด ละบาปกรรมทั้งปวงได้แล้ว เพราะเหตุนั้นสมณะทั้งหลายจึงเป็นที่รักของดิฉัน กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมของสมณะเหล่านั้น ล้วนแต่สะอาด เพราะเหตุนั้นสมณะทั้งหลายจึงเป็นที่รักของดิฉัน
สมณะทั้งหลายล้วนแต่ปราศจากมลทิน เหมือนสังข์ที่เขาขัดดีแล้ว เป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งภายใน และภายนอก บริบูรณ์ด้วยธรรมขาว เพราะเหตุนั้นสมณะทั้งหลายจึงเป็นที่รักของดิฉัน สมณะทั้งหลายเป็นพหูสูต ทรงธรรม เป็นผู้ประเสริฐ เลี้ยงชีวิตโดยชอบธรรม แสดงอรรถ และธรรมให้ฟัง เพราะเหตุนั้นสมณะทั้งหลายจึงเป็นที่รักของดิฉัน
สมณะทั้งหลายเป็นพหูสูต ทรงธรรม เป็นผู้ประเสริฐ เลี้ยงชีวิตโดยชอบธรรม มีจิตแน่วเป็นอารมณ์เดียว มีสติ เพราะเหตุนั้นสมณะทั้งหลายจึงเป็นที่รักของดิฉัน สมณะทั้งหลายเป็นผู้ไปไกล มีสติ พูดพอประมาณ ไม่ฟุ้งซ่าน รู้ทั่วถึงที่สุดแห่งทุกข์ เพราะเหตุนั้นสมณะทั้งหลายจึงเป็นที่รักของดิฉัน
สมณะทั้งหลายหลีกไปจากบ้านใด ย่อมไม่กังวลถึงสัตว์หรือสังขารอะไรในบ้านนั้น เป็นผู้ไม่มีความห่วงใยหลีกไป เพราะเหตุนั้นสมณะทั้งหลายจึงเป็นที่รักของดิฉันสมณะทั้งหลายย่อมไม่เก็บสะสมข้าวไว้ในฉาง ไม่สะสมไว้ในหม้อ ไม่สะสมไว้ในกระเช้า เที่ยวแสวงหาแต่อาหารที่สำเร็จแล้ว เพราะเหตุนั้นสมณะทั้งหลายจึงเป็นที่รักของดิฉัน
สมณะทั้งหลายท่านไม่รับเงิน ไม่รับทอง ไม่รับรูปิยะ เยียวยาอัตภาพด้วยอาหารอันเกิดขึ้นเฉพาะหน้า เพราะเหตุนั้นสมณะทั้งหลายจึงเป็นที่รักของดิฉัน สมณะทั้งหลายออกบวชจากตระกูลต่างๆ กัน และจากชนบทต่างๆ กัน แต่ย่อมรักใคร่กัน และกันดี เพราะเหตุนั้นสมณะทั้งหลายจึงเป็นที่รักของดิฉัน
บิดากล่าวกะเราต่อไปว่า
ดูกร ลูกโรหิณีผู้เจริญ เจ้าเกิดในตระกูลของเราเพื่อประโยชน์แก่เราหนอ เพราะเจ้าเป็นผู้มีศรัทธา และมีความเคารพอย่างแรงกล้าในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ และเจ้าย่อมรู้จักพระสงฆ์ว่า เป็นบุญเขตอันยอดเยี่ยมของโลก ขอให้สมณะเหล่านั้นรับทักษิณาทานของเราบ้าง เพราะไทยธรรมที่เราตั้งไว้แล้วในสมณะเหล่านั้น จักมีผลไพบูลย์แก่เรา
เรากล่าวกะบิดาอย่างนี้ว่า
ถ้าคุณพ่อกลัวต่อทุกข์ ถ้าคุณพ่อเกลียดทุกข์ จงเข้าถึงพระพุทธเจ้ากับทั้ง พระธรรม และพระสงฆ์ผู้คงที่ว่าเป็นสรณะ จงสมาทานศีล ด้วยว่าสรณคมน์ และการสมาทานศีลจักเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่คุณพ่อ
บิดาได้กล่าวกะเราว่า
พ่อจะเข้าถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ผู้คงที่ว่าเป็นสรณะ และจะสมาทานศีล เพราะสรณคมน์ และการสมาทานศีลนั้น จักเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่เรา เมื่อก่อนเราเป็นเผ่าพันธุ์แห่งพรหม แต่เดี๋ยวนี้เราเป็นพราหมณ์แล้ว เราเป็นผู้มีวิชชา ๓ มีความสวัสดีถึงฝั่งแห่งเวท และเป็นผู้ล้างบาปได้แล้ว
ท่านผู้ฟังจะเห็นความสมบูรณ์ของพยัญชนะ ซึ่งโรหิณีเถรีได้กล่าวกับท่านบิดาว่า ถ้าคุณพ่อกลัวต่อทุกข์ ถ้าคุณพ่อเกลียดทุกข์ จงเข้าถึงพระพุทธเจ้ากับทั้ง พระธรรม และพระสงฆ์ผู้คงที่ว่าเป็นสรณะ เพราะท่านเป็นผู้ที่ไม่หวั่นไหว เป็นผู้ที่รู้แจ้งอริยสัจธรรมแล้ว และเป็นผู้ที่ดับกิเลสเป็นสมุจเฉท เพราะถ้ายังไม่ดับกิเลสเป็นสมุจเฉท ยังไม่ใช่เป็นพระสังฆรัตนะ ย่อมเป็นผู้ที่คงที่ไม่ได้ ย่อมเป็นผู้ที่หวั่นไหวไปด้วยอกุศลต่างๆ คือ โลภะบ้าง โทสะบ้าง โมหะบ้าง
ที่มา ...