คำว่า ดับๆ ผมยังไม่เข้าใจ ไม่ใช่สงสัย
ถ. ผมไม่เข้าใจอยู่คำหนึ่ง ผมได้ฟังพระท่านเทศน์บ่อยๆ คำว่า รูปนามดับ มีความหมายเป็นอย่างไร ตามความเข้าใจเดิมของผม คือ รูปหรือนามที่เกิดขึ้นจะดับ ต้องไปพยายามไม่ให้เห็น ไม่ให้ได้ยิน เป็นต้นว่า ขึ้นไปอยู่ตามถ้ำ ตามภูเขา และหลับตาไม่ให้เห็น ทีนี้หลับตาไม่ให้เห็น ไม่เห็นจริง แต่หูได้ยิน เป็นต้นว่า ได้ยินเสียงยุง ได้ยินเสียงนก เสียงจิ้งหรีด อะไรๆ ก็เกิดขึ้นอีก แม้ไม่มี ๒ อย่างนี้แล้ว ก็ยังมีเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ก็พยายามทำอีก ไม่ให้ได้ยิน ใจก็มีอีก ใจก็ยังคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ อย่างที่ผมเคยอยู่ถ้ำมา หูไม่ได้ยิน ตาไม่เห็น แต่ใจก็ยังนึกถึงทางบ้าน นึกถึงคนทางบ้าน นึกถึงแฟน นึกถึงอะไรพวกนี้ เมื่อมาได้รับคำอธิบายจากอาจารย์ ผมก็ปฏิบัติได้ พอจะเข้าใจบ้าง ละได้หลายอย่าง เป็นต้นว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ผมนั่งทานกาแฟอยู่ ด้วยสาเหตุอันใดไม่ทราบ มีคนมาด่าผม และจะทำร้ายร่างกาย เรารู้รูปนามเกิดขึ้น แล้วมารู้ถึงเวทนาว่า เราโกรธหรือเปล่า หรือไม่โกรธ จะเป็นการที่เรียกว่า ดับหรือเปล่า ผมไม่ค่อยเข้าใจ เดี๋ยวนี้ตามปกติ ผมปฏิบัติตามแนวอาจารย์ รู้สึกว่าสติจะเริ่มมีมากขึ้น เป็นต้นว่า แม้เวลาทำงาน ก็มีรูป มีเวทนา เวลาทำงานประณีต เวทนาก็เกิดขึ้น ดีใจ บางทีไม่ดี ไม่ถูกตามที่เราต้องการ ก็เกิดโมโหขึ้นมา เกิดสับสนอยู่อย่างนี้ ทีนี้คำว่า ดับๆ ผมยังไม่เข้าใจ ไม่ใช่สงสัย แต่ไม่เข้าใจความหมาย
สุ. สภาพธรรมทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องดับไป นี่แน่นอนที่สุด ท่านผู้ฟังจะสังเกตเห็นสภาพธรรมลักษณะต่างๆ กันปรากฏ และก็หมดไปเรื่อยๆ แต่การที่จะประจักษ์การเกิดขึ้น และดับไปของสภาพธรรมซึ่งไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย เพราะว่าไม่มีบุคคลหนึ่งบุคคลใดที่มีความสามารถประจักษ์ลักษณะเกิดดับของนามธรรม และรูปธรรมได้ตามความต้องการ หรือตามความคิดความคาดคะเน แต่สภาพธรรมที่ประจักษ์การเกิดดับของนามธรรม และรูปธรรมนั้น คือ ปัญญาเจตสิก เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่ประจักษ์แจ้งในลักษณะของสิ่งที่ปรากฏตามความเป็นจริง
เวลาที่พูดถึงสภาพธรรมที่เป็นปัญญา เรามักจะพูดถึงลักษณะหรือเรื่องของปัญญา แต่ถ้าปัญญาไม่ได้เกิดกับท่านผู้ใด เพราะเหตุว่าไม่มีการอบรมให้เกิดปัญญาขึ้น บุคคลนั้นก็เพียงแต่คิดเรื่องปัญญา หรือว่าพูดเรื่องปัญญา หรือว่าพูดถึงลักษณะของปัญญา โดยที่ไม่ประจักษ์ว่า สภาพของปัญญาที่แท้จริงนั้นคืออย่างไร อย่างการประจักษ์การเกิดดับของนามธรรม และรูปธรรม ไม่มีบุคคลตัวตนไปประจักษ์ตามต้องการว่า อยากจะรู้เสียจริงเชียวว่า การดับนี้เป็นอย่างไร อย่างนี้ไม่มีทางจะประจักษ์ได้เลย แต่จะต้องรู้ว่า ลักษณะของสภาพธรรมที่จะประจักษ์การเกิดดับได้นั้น ไม่ใช่ตัวตน แต่เป็นสภาพธรรมชนิดหนึ่งซึ่งมีจริง เป็นธรรมที่ประจักษ์แจ้ง
เพราะฉะนั้น สภาพธรรมที่ประจักษ์แจ้งนั้นจึงชื่อว่า ปัญญา และสภาพธรรมที่จะประจักษ์แจ้งการเกิดดับของนามธรรม และรูปธรรมได้นั้น ต้องอบรมจนกว่าสภาพธรรมนั้นเกิดขึ้นประจักษ์แจ้งในลักษณะของนามธรรม และรูปธรรมที่กำลังปรากฏได้ แต่ไม่มีตัวตนที่เมื่อต้องการจะประจักษ์การเกิดดับก็จะประจักษ์ได้ ต้องอบรมให้ปัญญาเกิดขึ้นรู้ เพราะถ้าไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย ปัญญาก็เกิดไม่ได้
ที่มา ...