เอหิภิกขุอุปสัมปทา
สำหรับเอหิภิกขุอุปสัมปทา
ปรมัตถทีปนี อรรถกถา ขุททกนิกาย อรรถกถามหานิบาต วังคีสเถรคาถาที่ ๑ ได้กล่าวถึงสาวกของพระผู้มีพระภาคซึ่งเป็นพระเถระด้วยกันก็จริงแต่ว่าจำแนกออกได้ จะกล่าวว่าโดยนัยเดียวก็ได้ หรือจะกล่าวว่าโดยนัยที่ต่างกันก็ได้ คือ พระมหาเถระทั้งหลายเป็นอย่างเดียวกัน โดยความเป็นสาวกของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ไม่ว่าจะเป็นใคร จะเป็นท่านพระสารีบุตร ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ทั้งหมดเป็นอย่างเดียวกัน โดยความเป็นสาวกของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ถ้าจะกล่าวโดยต่างกัน เป็น ๒ อย่าง คือ อุปสมบทด้วยเอหิภิกขุ กับ ไม่อุปสมบทด้วยเอหิภิกขุ
ในข้อที่ว่าเป็น ๒ อย่างนั้น พระปัญจวัคคีย์เถระมีพระอัญญาโกณฑัญญะเป็นประธาน
คือ พวกที่อุปสมบทด้วยเอหิภิกขุ
ปัญจวัคคีย์ ๕ รูป คือ ท่านพระอัญญาโกณฑัญญะ ๑ ท่านพระวัปปะ ๑ ท่านพระภัททิยะ ๑ ท่านพระมหานามะ ๑ ท่านพระอัสสชิ ๑ ทั้ง ๕ รูปเป็นเอหิภิกขุ
นอกจากนั้นก็มี
พระยสเถระ สหายของท่าน ๔ คน คือ ท่านพระวิมละ ท่านพระสุพาหุ ท่านพระปุณณชิ และท่านพระควัมปติ สหายของท่านแม้อื่นอีก ๕๕
รวมเป็น ๖๐ รูป
ภัททวัคคีย์ ๓๐ ปุราณชฎิล ๑,๐๐๐ มีพระอุรุเวลกัสสปเป็นประธาน อัครสาวก ๒ ปริพาชกผู้เป็นบริวารของท่าน ๒๕๐ ท่านพระองคุลีมาลเถระ รวมทั้งหมด ๑,๓๕๐ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงกล่าวว่า พระเถระอื่นๆ อีกเหล่านี้ จำนวน ๑,๓๕๐ รูป เป็นผู้มีปัญญามาก ทั้งหมดเป็นเอหิภิกขุ
ถ . ผมสังเกตดูพระที่ท่านได้รับอุปสมบทเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา ส่วนใหญ่จะเป็นนักบวชอยู่แล้วทั้งนั้น
สุ. ท่านพระองคุลีมาลไม่เป็น
ถ . พระยสก็ไม่เป็น แต่ส่วนใหญ่เป็นนักบวช เพราะฉะนั้น นักบวชจะต้องมีบริขารอยู่แล้ว
สุ. บางท่านก็บวช แต่ไม่ได้เป็นเอหิภิกขุ เช่น ท่านพระมหากัสสปะ เพราะว่าพระผู้มีพระภาคทรงเพียงประทานโอวาท
การอุปสมบทมี ๕ อย่าง คือ ๑.เอหิภิกขุ ๒.สรณคมน์ ๓.รับโอวาท ๔.ด้วยพยากรณ์ปัญหา ๕.ด้วยญัตติจตุตถกรรม สำหรับเอหิภิกขุก็เพียง พระผู้มีพระภาคตรัสให้เป็นภิกขุมาเถิด
ถ . ท่านเหล่านั้นไม่ได้ปลงผมด้วยมีด หมายความว่าผมหายไปเอง
สุ. เพราะฉะนั้น ก็ไม่มากท่าน เป็นไปตามกรรมที่ท่านได้สะสมมา เป็นสิ่งซึ่งคนสมัยนี้ไม่เห็น แต่สำหรับพระมหาสาวกที่เป็นเอหิภิกขุ ท่านมีบุญที่ได้กระทำไว้แล้วมาก ที่จะได้บรรลุถึงความเป็นเอหิภิกขุด้วย
ที่มา ...