พระอริยะมีสติปัฏฐานตลอดไหม


    . พระอริยะขั้นโสดาบัน ท่านมีสติหรือสติปัฏฐานตลอด หรือมีบางครั้งบางคราว หรือท่านจำเป็นต้องฝึกอย่างมาก

    สุ. ต้องศึกษาเรื่องของจิตโดยละเอียดจึงจะทราบว่า ขณะที่เป็นภวังคจิต สำหรับผู้ที่รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ภวังคจิตนั้นต้องเป็นวิบากจิต ซึ่งเป็นญาณสัมปยุตต์ มีปัญญาเกิดร่วมด้วย แต่ขณะที่กำลังนอนหลับสนิท แม้มีสติเจตสิกเกิดกับวิบากจิต ขณะนั้นก็ไม่ใช่สติปัฏฐาน ก็ผ่านไป

    เวลาที่เป็นวิถีจิตแต่ละทาง ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย หรือแม้ทางใจที่จะระลึกถึงเรื่องราวต่างๆ ขณะที่กำลังเห็นเป็นจักขุทวารวิถีจิต นอกจาก ชวนจิตแล้วไม่มีสติเกิดร่วมด้วย แม้ตทาลัมพนจิตหลังจากที่ชวนจิตดับไปแล้ว มีสติเจตสิกเกิดร่วมด้วย แต่ก็เป็นชาติวิบาก เพราะฉะนั้น ขณะที่ตทาลัมพนจิตกำลัง รู้อารมณ์ โดยชาติวิบากก็ไม่ใช่สติปัฏฐาน

    เป็นเรื่องที่ละเอียดมาก เพราะว่าเป็นชีวิตประจำวันที่ย่อยละเอียดจนกระทั่งถึงขณะจิตที่เกิด และดับอย่างรวดเร็วมาก ถ้าพระผู้มีพระภาคไม่ทรงแสดง จะไม่มีใครสามารถรู้ลักษณะของจิต และเจตสิกซึ่งเกิดขึ้นทำกิจการงานในขณะนั้นได้เลยว่า จิตนั้นประกอบด้วยเจตสิกเท่าไรเป็นต้น

    แม้พระอรหันต์ ภวังคจิตของท่านก็เป็นวิบากจิต เป็นญาณสัมปยุตต์ แต่ไม่ใช่สติปัฏฐาน เวลาที่ปัญจทวาราวัชชนจิตเกิด จักขุวิญญาณเกิด สัมปฏิจฉันนจิตเกิด สันตีรณจิตเกิด โวฏฐัพพนจิตเกิด ก็ไม่มีสติเจตสิกเกิดร่วมด้วย และพระอริยบุคคล ที่เป็นพระโสดาบัน พระโสดาบันบุคคลก็ยังมีโลภมูลจิต พอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ มีโทสมูลจิต มีมหากุศลจิต เพียงแต่ไม่มีมิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิดใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ท่านก็ต้องมีกาลที่โลภะมีปัจจัยจะเกิด โทสะมีปัจจัยจะเกิด แต่กิเลส เช่น มัจฉริยเจตสิกไม่เกิด อิสสาเจตสิกไม่เกิด วิจิกิจฉาเจตสิกไม่เกิด เพราะดับเป็นสมุจเฉท ซึ่งก็จะต้องศึกษาต่อไป


    ที่มา ...

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1912


    หมายเลข 13323
    7 ธ.ค. 2567