การทำใจเวลาใกล้จะดับจิต ทำจิตให้ว่าง
ถ . ในหนังสือบางเล่มที่พระท่านเขียนไว้บอกว่า ทุกคนเกิดมาต้องเดินทาง ในที่สุดจะต้องถึงนิพพาน นี่ข้อ ๑ และการทำให้หลุดพ้นในทางลัดก็มีทางสติปัฏฐาน เป็นข้อ ๒ และอีกทางหนึ่ง ข้อที่ ๓ คือ การทำใจเวลาใกล้จะดับจิต ทำจิตให้ว่าง ทำให้หลุดพ้นได้ง่ายๆ และที่เราเข้าสมาธิจนสามารถเอาพระเข้าไปในกายก็บอกว่า เป็นองค์มรรค ขยายไป ขยายมา ก็เป็นทางหลุดพ้นอันหนึ่ง อยากทราบว่า ในพระไตรปิฎกมีกล่าวไว้บ้างหรือเปล่า
สุ. ขอเรียนให้ทราบว่า ทั้ง ๓ ข้อนั้นเลื่อนลอย คือ ไม่มีทางทำให้เข้าใจ ในเหตุผลอย่างชัดเจน เช่น ข้อที่ ๑ ที่ว่าทุกคนที่เกิดมาต้องเดินทางไปสู่พระนิพพาน ง่ายแสนง่าย ไม่ต้องทำอะไรเลยสักคนเดียว เพราะในที่สุดทุกคนก็จะถึง ใช่ไหม ไม่ต้องทำอะไร ได้รับผลเหมือนกันหมด เพราะฉะนั้น เป็นการขัดต่อหลักของเหตุ และผล คือ เรื่องของกรรม และผลของกรรม คือ กุศลกรรมจะเป็นปัจจัยให้เกิด กุศลวิบาก กุศลกรรมที่เป็นกามาวจร เป็นไปในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ จะทำให้เกิดผล คือ กามาวจรวิบาก ได้รับผลที่ดีทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย
เพียงเท่านี้ ตรงหรือไม่ตรง หรือใครก็ตามที่เกิดมาก็จะถึงนิพพาน ถ้าเข้าใจอย่างนี้ก็หมายความว่า ใครก็ตามที่เกิดมาก็จะได้รับกุศลวิบากโดยไม่ต้องมีเหตุ เพราะฉะนั้น ไม่มีเหตุผลเลย แต่ถ้าตรงตามเหตุผล คือ อกุศลกรรมเป็นปัจจัยให้อกุศลวิบากจิตเกิด กุศลกรรมเป็นปัจจัยให้กุศลวิบากจิตเกิดตามขั้น คือ ถ้าเป็นกามาวจรกุศลก็ทำให้กามาวจรกุศลวิบากเกิด เห็นสิ่งที่ดีทางตา ได้ยินเสียงที่ดีทางหู ได้กลิ่นที่ดีทางจมูก ได้ลิ้มรสที่ดีทางลิ้น ได้กระทบโผฏฐัพพะที่ดีทางกาย นั่นเป็นผลของกามาวจรกุศล ถ้าระดับขั้นที่สูงกว่านั้น คือ รูปาวจรกุศล ก็เป็นปัจจัยให้ รูปาวจรวิบากเกิด ปฏิสนธิเป็นรูปพรหมบุคคลในรูปพรหมภูมิ ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุ เป็นไปตามขั้นของกรรมนั้นๆ ถ้าเป็นอรูปาวจรกุศล ก็เป็นปัจจัยให้อรูปาวจรวิบากจิตปฏิสนธิเป็นอรูปพรหมบุคคลในอรูปพรหมภูมิ ไม่ใช่ไม่มีเหตุอีกเหมือนกัน และสำหรับโลกุตตรกุศลก็เป็นปัจจัยให้โลกุตตรวิบากจิตเกิด ไม่ใช่ไม่มีเหตุเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ว่าใครก็ตามเมื่อเกิดมาแล้วก็จะถึงนิพพาน คือ รู้แจ้งนิพพาน โลกุตตรกุศล คือมรรคจิตเกิด หรือโลกุตตรวิบากคือผลจิตเกิด ไม่ใช่อย่างนั้นเลย
เพราะฉะนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะกล่าวว่า ทุกคนที่เกิดมาแล้วในที่สุดจะไปถึง พระนิพพานทั้งนั้น
ถ . ความคิดอย่างนี้ในสมัยพุทธกาลผมก็เคยศึกษามา เหมือนกับพวกเดียรถีย์ที่เป็นลัทธินอกพระพุทธศาสนาเขาเปรียบอุปมาว่า เหมือนกับม้วนด้ายที่ ขว้างไป คลี่ไปสุดก็นิพพาน ความคิดเห็นอย่างนี้เป็นความคิดเห็นนอกพระพุทธศาสนา
ที่มา ...