มหาปเทส ๔ เป็นไฉน?


    ขอกล่าวถึง อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต สัญเจตนิยวรรค ซึ่งมีข้อความว่า สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคประทับ ณ อานันทเจดีย์ ใกล้โภคนคร พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายแล้วตรัสว่า พระผู้มีพระภาคจะแสดง มหาปเทส ๔ ให้ภิกษุทั้งหลายฟังจงใส่ใจให้ดี แล้วพระผู้มีพระภาคตรัสว่า ก็มหาปเทส ๔ เป็นไฉน? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า ดูกร อาวุโส ข้อนี้ข้าพเจ้าได้สดับมาได้รับมาเฉพาะพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา

    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายไม่พึงยินดี ไม่พึงคัดค้านคำกล่าวของภิกษุนั้น ครั้นแล้วพึงเรียนบทและพยัญชนะเหล่านั้นให้ดี แล้วพึงเทียบเคียงในพระสูตร พึงสอบสวนในพระวินัย ถ้าเมื่อเทียบเคียงในพระสูตร สอบสวนในพระวินัย บทและพยัญชนะเหล่านั้นเทียบเคียงกันไม่ได้ในพระสูตร สอบสวนกันไม่ได้ในพระธรรมวินัย ในข้อนี้พึงลงสันนิษฐานได้ว่านี้มิใช่คำของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่แท้ ภิกษุนี้รับมาผิดแล้ว เธอทั้งหลายพึงทิ้งคำนี้เสียทีเดียว และในทางตรงกันข้าม ถ้าเทียบเคียงกันได้ในพระสูตร และสอบสวนกันได้กับในพระวินัย ข้อนี้พึงสันนิษฐานได้ว่า เป็นคำของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่นอน และภิกษุนี้รับมาดีแล้ว

    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็น มหาปเทสข้อที่ ๑ เธอทั้งหลายพึงทรงจำไว้ ไม่ว่าจะเป็นภิกษุรูปใดที่กล่าวว่า ได้สดับมาได้รับมาเฉพาะพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาค ผู้ฟังก็อย่าเพิ่งยินดี อย่าเพิ่งคัดค้าน แต่พึงเทียบเคียงบท และพยัญชนะเหล่านั้นให้ดี พึงเทียบเคียงในพระสูตร และสอบสวนในพระวินัยเมื่อเทียบเคียงแล้วเทียบเคียงกันได้ก็พึงลงสันนิษฐานได้ว่า นี้เป็นคำของพระผู้มีพระภาค ถ้าเทียบเคียงกันไม่ได้ก็ไม่ใช่คำของพระผู้มีพระภาค นี่เป็นมหาประเทศข้อที่ ๑

    สำหรับ มหาปเทสข้อที่ ๒ มีข้อความว่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า สงฆ์อยู่ในอาวาสชื่อโน้น พร้อมทั้งพระเถระพร้อมทั้งท่านที่เป็นประธาน ข้าพเจ้าได้สดับมาได้รับมาเฉพาะหน้าสงฆ์นั้นว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา (คือ แทนที่ภิกษุนั้นจะกล่าวว่าท่านรับมาเอง ท่านก็กล่าวว่าท่านรับมาจากสงฆ์อยู่ในอาวาสชื่อโน้น พร้อมทั้งท่านพระเถระพร้อมทั้งท่านที่เป็นประธานทั้งหมดทีเดียว) แต่ท่านผู้ฟังอย่าพึงยินดีอย่าพึงคัดค้าน พึงเทียบเคียงกับพระสูตร สอบสวนในพระวินัยเสียก่อน นี่เป็นมหาประเทศข้อที่ ๒

    ข้อที่ ๓ ก็มีข้อความว่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า ภิกษุผู้เป็นพระเถระมากด้วยกัน อยู่ในอาวาสชื่อโน้น เป็นพหูสูตร ชำนาญในนิกาย (นิกาย ๕ คือ ทีฆนิกาย มัชฌิมนิกาย สังยุตตนิกาย อังคุตตรนิกาย ขุททกนิกาย ซึ่งเป็นนิกายในพระสูตร) ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ข้าพเจ้าได้สดับมาได้รับมาเฉพาะหน้าพระเถระเหล่านั้นว่า นี้เป็นธรรมนี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา เมื่อได้ฟังอย่างนี้ อย่าพึงยินดี อย่าพึงคัดค้าน แต่พึงเทียบเคียงกับพระสูตร สอบสวนในพระวินัย

    มหาปเทสข้อที่ ๔ มีข้อความว่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า ภิกษุผู้เป็นเถระรูปหนึ่ง อยู่ในอาวาสชื่อโน้น เป็นพหูสูตร ชำนาญในนิกาย เช่นทีฆนิกายเป็นต้น ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ข้าพเจ้าได้รับมาเฉพาะหน้าพระเถระ นี้เป็นธรรมว่า นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดาไม่ว่าใครจะกล่าว ไม่ว่าผู้กล่าวนั้นได้รับมาจากพระผู้มีพระภาคเอง หรือจากท่านซึ่งเป็นสงฆ์อยู่ในอาวาสชื่อโน้น พร้อมทั้งพระเถระ หรือว่ารับฟังจากพระภิกษุเถระรูปใดรูปหนึ่งก็ตามก็เป็นเรื่องที่จะต้องเทียบเคียง ฉะนั้น ข้อความที่จะให้ท่านผู้ฟังพิจารณาที่จะเข้าใจให้ชัดเจน ก็จะได้กล่าวถึงพระสูตรต่างๆ


    ที่มา ...

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 17


    หมายเลข 13405
    7 เม.ย. 2568