ปฐมมิคชาลสูตร


    ขอกล่าวถึง สังยุตตรนิกาย สฬายตนวรรค ภาค ๑ ปฐมมิคชาลสูตร ที่ ๑

    ที่พระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ท่านพระมิคชาละได้ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคแล้ว กราบทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่พระองค์ตรัสว่า ผู้มีปกติอยู่ผู้เดียว ผู้มีปกติอยู่ผู้เดียว ฉะนี้ ด้วยเหตุเพียงเท่าไรพระเจ้าข้า ภิกษุจึงชื่อว่ามีปกติอยู่ผู้เดียว และด้วยเหตุเพียงเท่าไร ภิกษุจึงชื่อว่าอยู่ด้วยเพื่อนสอง พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกร มิคชาละ รูปที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุ อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจให้เกิดความรัก ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด มีอยู่ ถ้าภิกษุยินดีกล่าวสรรเสริญ แสดงความหมกมุ่นในรูปนั้นอยู่ เมื่อเธอยินดีกล่าวสรรเสริญหมกมุ่นในรูปนั้นอยู่ ย่อมเกิดความเพลิดเพลิน เมื่อมีความเพลิดเพลิน ก็มีความกำหนัดกล้า เมื่อมีความกำหนัดกล้า ก็มีความเกี่ยวข้อง

    ดูกร มิคชาละ ภิกษุผู้ประกอบด้วยความเพลิดเพลิน และมีความเกี่ยวข้องเราเรียกว่า ผู้มีปกติอยู่ด้วยเพื่อนสอง ... (ตลอดเรื่อยไปจากรูปารมณ์ สัททารมณ์ ... ธัมมารมณ์ทางใจ) แล้วพระผู้มีพระภาคก็ตรัสต่อไปว่า ดูกร มิคชาละ ภิกษุผู้มีปกติอยู่ด้วยอาการอย่างนี้ ถึงจะเสพเสนาสนะอันสงัด คือป่าหญ้าและป่าไม้ เงียบเสียงไม่อื้ออึง ปราศจากลมแต่ชนที่เดินเข้าออก ควรเป็นที่ประกอบกิจของมนุษย์ผู้ต้องการความสงัด สมควรเป็นที่หลีกเร้นอยู่ก็จริง ถึงอย่างนั้นก็ยังเรียกว่า มีปกติอยู่ด้วยเพื่อนสอง ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะผู้นั้นยังมีตัณหาเป็นเพื่อนสอง เขายังละตัณหานั้นไม่ได้ ฉะนั้น จึงเรียกว่า มีปกติอยู่ด้วยเพื่อนสองโดยนัยตรงกันข้าม ถึงแม้จะเป็นรูปที่น่าพอใจมีอยู่ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธัมมารมณ์ที่น่าพอใจมีอยู่ แต่ไม่ยินดี ไม่กล่าวสรรเสริญ ไม่หมก มุ่น ไม่ประกอบด้วยความเพลิดเพลิน และความเกี่ยวข้อง พระผู้มีพระภาคเรียกว่า มีปกติอยู่ผู้เดียว

    แล้วพระผู้มีพระภาคก็ตรัสต่อไปว่า ดูกร มิคชาละ ภิกษุผู้มีปกติอยู่ด้วยอาการอย่างนี้ แม้จะปะปนกับภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พระราชา มหาอำมาตย์ของพระราชา เดียรถีย์ สาวกของเดียรถีย์ ในที่สุดบ้านก็จริง ถึงอย่างนั้นก็ยังเรียกว่า มีปกติอยู่ผู้เดียว เพราะฉะนั้น ถ้าผู้นั้นเจริญสติปัฏฐานอยู่กับนามและรูป ทางตาบ้าง ทางหูบ้าง ทางจมูกบ้าง ทางลิ้นบ้าง ทางกายบ้าง ทางใจบ้าง มีคนเยอะก็จริง แต่ขณะนั้นใส่ใจที่ลักษณะของเสียง หรือใส่ใจลักษณะที่ได้ยิน ใส่ใจที่ลักษณะเย็นที่ปรากฏ ในขณะนั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับผู้อื่น บุคคลอื่นเลย ถึงแม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เดียรถีย์ พระราชาหรือว่ามหาอำมาตย์ของพระราชาก็ตาม

    บางท่านก็บอกว่าที่บ้านของท่านไม่สงบ จะทำยังไงละคะในเมื่อเป็นชีวิตจริงๆ ของท่าน มีนามมีรูป และการที่จะไม่รู้จักชีวิตจริงๆ ทุกๆ วัน ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ท่านมุ่งหวังเพียงแต่จะประพฤติตามผู้ที่ออกจาก เรือนบวชเป็นบรรพชิต ในขณะที่เจริญสมาธิ ในที่หลีกเร้น หรือว่าท่านหวังที่จะเจริญตามพระภิกษุทั้งหลายที่ท่านเจริญสติปัฏฐาน ไม่ว่าจะกำลังนั่ง นอน ยืน เดิน เคลื่อนไหว เหยียดคู้ ประกอบกิจการงาน หรือว่ามีความสงบเพราะว่าพระภิกษุท่านเจริญสติปัฏฐานด้วย ถ้าท่านอยากจะทำตามเพียงการเจริญสมาธิ เป็นที่หลีกเร้นเท่านั้น หรือว่าท่านจะเจริญสติปัฏฐานตามพระภิกษุ ไม่ว่าท่านจะทำกิจการงานใด ฆราวาสทำฆราวาสก็เจริญสติปัฏฐานด้วย เพราะเหตุว่าจะต้องรู้ลักษณะของนามและรูปตามความเป็นจริง


    ที่มา ...

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 21


    หมายเลข 13437
    13 เม.ย. 2568