ทรงทำทุกกรกิริยานาน ๖ ปี


    ลำดับนั้น พระเจ้าพิมพิสาร ทรงรีบเสด็จออกจากพระนคร บ่ายพระพักตร์ตรง ภูเขาปัณฑวะ เสด็จไปแล้ว ลงจากพระราชยาน เสด็จไปยังสำนักพระโพธิสตว์ อันพระโพธิสัตว์ทรงอนุญาตแล้ว ประทับนั่งเหนือพื้นศิลา เมื่อทรงได้รับปฏิสันถารแล้ว ทรงถามถึงนามและโคตร ทรงมอบความเป็นใหญ่ทุกอย่างแก่พระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ตรัสว่า ข้าแต่มหาราช หม่อมฉันไม่ประสงค์ด้วยวัตถุกามหรือกิเลสกาม หม่อมฉันปรารถนาแต่สัมโพธิญาณจึงออกบวช

    พระราชาแม้ทรงอ้อนวอนหลายประการ ก็ไม่ได้น้ำพระหฤทัยของพระโพธิสัตว์ จึงตรัสว่า "จักทรงเป็นพระพุทธเจ้าแน่" แล้วทูลว่า "ก็พระองค์ทรงเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว โปรดเสด็จมาแคว้นของหม่อมฉันก่อน" แล้วเสด็จกลับพระนคร

    ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์เสด็จจาริกไปตามลำดับ เข้าไปหาอาฬารดาบสกาลามโคตร และอุทกดาบสรามบุตร ยังสมาบัติ ๘ ให้เกิดขึ้น แล้วทรงดำริว่า ทางนี้ไม่ใช่ทางแห่งพระโพธิญาณ ไม่ทรงใส่พระทัยถึงสมาบัติภาวนานั้น มีพระประสงค์จะตั้งความเพียร จึงเสด็จไปยังอุรุเวลา ทรงดำริว่า ภูมิภาคนี้น่ารื่นรมย์จริงหนอ พระองค์ประทับอยู่ ณ ตำบลนั้น ทรงตั้งความเพียรยิ่งใหญ่ ชน ๕ คนเหล่านี้คือ บุตรของพราหมณ์ผู้ทำนายพระมหาปุริสลักษณะ ๔ คน และพราหมณ์ชื่อ โกณฑัญญะ (ซึ่งเมื่อครั้งที่ทำนายมหาปุริสลักษณะนั้น พราหมณ์โกณฑัญญะยังเป็นหนุ่ม พราหมณ์อื่นสิ้นชีวิตไปแล้ว แต่ได้สั่งให้บุตรของตนบวช เพื่อที่จะได้ติดตามพระผู้มีพระภาค เพราะพระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า)

    ชน ๕ คนเหล่านี้ คือบุตรของพราหมณ์ผู้ทำนายพระมหาปุริสลักษณะ ๔ คน และพราหมณ์ชื่อโกณฑัญญะ บวชคอยอยู่ก่อนแล้ว ท่านทั้ง ๕ นั้นเที่ยวภิกษาจารไปในคามนิคมราชธานีทั้งหลาย บำรุงพระโพธิสัตว์ ณ ที่นั้นปัญจวัคคีย์ คือ ชน ๕ คนนี้บำรุงพระโพธิสัตว์ผู้ตั้งความเพียรยิ่งใหญ่อยู่ถึง ๖ ปี ด้วยวัตรปฏิบัติ มีกวาดบริเวณเป็นต้น ด้วยหวังอยู่ว่า พระโพธิสัตว์จักทรงเป็นพระพุทธเจ้า แม้พระโพธิสัตว์ก็ทรงยับยั้งอยู่ด้วยงาและข้าวสารเมล็ดเดียว ด้วยทรงหมายจะทำทุกกรกิริยาให้ถึงที่สุด ได้ทรงตัดอาหารด้วยประการทั้งปวง แม้เทวดาทั้งหลายก็นำทิพโอชะใส่ลงตามขุมขนทั้งหลาย

    ครั้งนั้น พระวรกายที่มีสีทองของพระองค์ผู้มีพระกายถึงความซูบผอมอย่าง ยิ่งเพราะไม่มีอาหารนั้นก็มีสีดำ (ผิวสีทองเปลี่ยนเป็นสีดำ) พระมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ก็ถูกปกปิด พระโพธิสัตว์ทรงถึงที่สุดแห่งทุกกรกิริยา ทรงดำริว่าทางนี้มิใช่ ทางแห่งพระโพธิญาณ มีพระประสงค์ที่จะเสวยอาหารหยาบ จึงเสด็จเข้าไปบิณฑบาต ณ คามนิคมทั้งหลาย เสวยพระกระยาหาร ลำดับนั้น มหาปุริสลักษณะ ๓๒ ก็กลับเป็นปกติ พระวรกายมีสีดุจสีทอง ขณะนั้น ปัญจวัคคีย์เห็นพระองค์ก็คิดว่า ท่านผู้นี้แม้ทำทุกกรกิริยามา ๖ ปี ก็ไม่อาจแทงตลอดพระสัพพัญญุตญาณได้ มาบัดนี้ยังเที่ยวบิณฑบาตไปตามคามนิคมราชธานีทั้งหลาย บริโภคอาหารหยาบ จักอาจได้อย่างไร ท่านผู้นี้มักมากคลาย ความเพียร ประโยชน์อะไรของเราด้วยท่านผู้นี้ แล้วก็ละพระมหาบุรุษพากันไปยังป่าอิสิปตนะ กรุงพาราณสี


    หมายเลข 2141
    2 ก.ย. 2565