ความดำริของสุเมธดาบส - ทิ้งกายอันเปื่อยเน่านี้
ข้อความต่อไปมีว่า
เมื่อมีความเจริญ แม้ความเสื่อมก็จำต้องปรารถนา อุปมาเหมือนเมื่อมีทุกข์ แม้ชื่อว่าสุขก็ย่อมมีได้ เมื่อมีไฟ ๓ อย่าง คือ ราคะ โทสะ โมหะ นิพพานธรรมที่ดับไปก็จำต้องปรารถนา อุปมาเหมือนเมื่อมีร้อนก็ย่อมมีเย็นแก้ เมื่อมีความเกิดก็จำต้องปรารถนาความไม่เกิด อุปมาเหมือนแม้เมื่อมีความชั่ว ถึงความดีก็ย่อมมีได้ เมื่อมีน้ำสำหรับล้างมลทินคือกิเลสอยู่ในสระคืออมตะ บุคคลไม่แสวงหาสระนั้นจะโทษสระ คืออมตะได้ไฉน อุปมาเหมือนบุรุษผู้ตกหลุมคูถ เห็นสระซึ่งมีน้ำขังอยู่เต็ม แล้วไม่แสวงหาสระนั้น จะโทษสระได้ไฉน เมื่อหนทางอันปลอดโปร่งมีอยู่ บุคคลผู้ถูกกิเลสล้อมไว้ แล้วไม่แสวงหาหนทางนั้น จะโทษหนทางอันปลอดโปร่งได้ไฉน อุปมาเหมือนบุรุษผู้ถูกพวกข้าศึกล้อมไว้รอบด้าน เมื่อหนทางสำหรับจะหนีไปได้มีอยู่ ย่อมไม่หนีเอาตัวรอด จะโทษหนทางได้ไฉน บุคคลผู้ระทมทุกข์ ถูกพยาธิ คือ กิเลส บีบคั้น ไม่แสวงหาอาจารย์ จะโทษอาจารย์ผู้แนะนำนั้นได้ไฉน อุปมาเหมือนบุรุษผู้เจ็บป่วย เมื่อหมอผู้รักษามีอยู่ ไม่ให้หมอรักษาพยาธินั้น จะโทษหมอผู้เยียวยานั้นได้ไฉน
โทษใครไม่ได้เลย ถ้าท่านจะจากโลกนี้ไปด้วยความหลง ก็เป็นเพราะอกุศล กิเลส หรือความผิดของตนเองเท่านั้น
ข้อความต่อไปมีว่า
เราไม่ควรห่วงใย ไม่ควรต้องการทรัพย์สมบัติ ทิ้งกายอันเปื่อยเน่านี้ซึ่งเป็นที่สั่งสมซากศพต่างๆ ไปเสียเถิด อุปมาเหมือนบุรุษแก้ซากศพที่น่าสะอิดสะเอียนซึ่งผูกไว้ที่คอได้แล้ว พึงไปอยู่เป็นสุขเสรีตามลำพังตน ฉะนั้น
เราจะทิ้งกายนี้ซึ่งเต็มไปด้วยซากศพต่างๆ ไปเสีย เหมือนถ่ายอุจจาระลงในส้วมเสร็จแล้วออกไป อุปมาเหมือนบุรุษ และสตรีถ่ายอุจจาระลงในส้วมแล้วไม่ห่วงใย ไม่ต้องการ ไปเสียฉะนั้น เราจะทิ้งกายนี้ซึ่งมีช่อง ๙ ช่องอันไหลเยิ้มอยู่เป็นนิจไปเสีย ดุจเจ้าของทั้งหลายทิ้งเรือที่เก่าคร่ำคร่า ฉะนั้น ข้อนี้มีอุปมาเหมือนพวกเจ้าของเรือ ทิ้งเรือที่เก่าคร่ำคร่า ชำรุดทรุดโทรม ที่รั่ว ไม่มีความเยื่อใย ไม่ต้องการไปเสีย ฉะนั้น
เราจะละกายนี้ซึ่งเปรียบเหมือนมหาโจรไปเสีย เพราะกลัวจะชิงตัดกุศล อุปมาเหมือนบุรุษถือห่อสิ่งของเดินไปกับพวกโจร ทิ้งโจรไปเสีย เพราะเห็นภัย คือ โจรจะชิงสิ่งของ ฉะนั้น
ครั้นเราคิดอย่างนี้แล้ว ได้ให้ทรัพย์ตั้งหลายร้อยโกฏิแก่คนทั้งที่ไม่ใช่คนอนาถา ทั้งที่เป็นอนาถา แล้วเข้าไปยังป่าหิมวันต์
ที่มา ...