ผู้รับและผู้สืบต่อมรดกทางพระพุทธศาสนา
ผู้ฟัง แล้วอย่างคนที่ได้ปริญญาเอก
ท่านอาจารย์ อันนี้เราพูดถึงปรมัตถธรรม
ผู้ฟัง อันนั้นไม่ใช่ปรมัตถธรรมใช่ไหมครับ
ท่านอาจารย์ ปรมัตถธรรมคือจิต เจตสิก รูป นิพพาน เพราะฉะนั้นจะอยู่ในความเข้าใจในสิ่งที่ ...
ผู้ฟัง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ใช่ปัญญา
ท่านอาจารย์ กำลังจะพูดให้เข้าใจก่อน เพราะว่าโลกของเราก่อนที่จะฟัง เป็นโลกของคนเยอะแยะ เป็นโลกของเรื่องราวต่างๆ วุ่นวายสับสนมากมาย ญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง วงศาคณาญาติ รวมถึงบุคคลทั้งหลายในโลก ในประเทศต่างๆ ด้วย นั่นคือสิ่งที่เรามีอยู่เป็นชีวิตประจำวัน แต่เรายังไม่ได้เข้าใจ จิต เจตสิก รูป ซึ่งถ้าจิต เจตสิก รูปไม่มี อะไรๆ ก็ไม่มี จะมีอะไรที่ไหน ภูเขาจะมีได้ไหม เพราะภูเขาก็เป็นรูป ถ้าภูเขาไม่มีใครเห็น จะมีใครรู้ไหมว่ามีภูเขา ก็ไม่มีใครรู้ เพราะเหตุว่าขณะนั้นไม่มีสภาพรู้ หรือธาตุรู้
เพราะฉะนั้น ก็จะต้องมีความเข้าใจเรื่อง เจตสิก รูป ให้ละเอียดขึ้น ให้ชัดเจนขึ้น ให้เป็นปัญญาของเรา สมกับที่เป็นผู้รับมรดก ถ้าสามารถเข้าถึงลักษณะของสภาพธรรม แล้วก็ยังสืบต่อมรดกนั้นให้คนรุ่นหลังๆ ต่อไปได้ ที่จะมีความเห็นถูก เข้าใจถูก แต่ให้ทราบว่าสิ่งที่ประเสริฐสุด ก็คือปัญญา ของเราเองด้วย ที่จะต้องเป็นผู้ตรงว่า ขณะที่กำลังฟังนี่เริ่มเข้าใจ หรือเปล่า และเข้าใจแค่ไหนก็คือแค่นั้น ตามความเป็นจริง แต่ถ้าจะไปดูข้อความอื่นในพระไตรปิฎกทั้งหมด ไม่ใช่ปัญญาของเราที่เพิ่งเริ่มจะฟัง เป็นปัญญาของท่านพระสารีบุตร เช่น ปฏิสัมภิทามรรค ปัญญาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ปัญญาของสาวก เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้เลยว่า ไม่ใช่ปัญญาของผู้ที่ยังไม่ได้อบรม แต่ผู้ที่อบรมก็คือว่าจะข้ามขั้นไปถึงระดับนั้นยังไม่ได้ แต่ต้องรู้สภาพธรรมที่มีจริงๆ เพิ่มขึ้น
ที่มา ...