พุทธกิจ - ปฐมยาม และมัชฌิมยาม
ต่อจากนั้น ในภาคที่ ๓ คือ ก่อน ๖ โมงเย็น
ถ้าหากพระองค์ทรงประสงค์จะสรงพระกาย ลำดับนั้น จึงได้เสด็จจากพุทธอาสน์ เสด็จไปยังโอกาสที่ภิกษุอุปัฏฐากได้เตรียมไว้แล้ว ได้ทรงรับผ้าวัสสิกสาฎก คือ ผ้าอาบน้ำ จากมือของภิกษุผู้อุปัฏฐาก แล้วจึงเสด็จเข้าไปยังซุ้มสำหรับอาบ แม้ภิกษุผู้อุปัฏฐากนำพุทธอาสน์มาแล้ว ย่อมปูไว้ที่บริเวณพระคันธกุฎี พระผู้มีพระภาคทรงสรงพระวรกายแล้ว ทรงนุ่งจีวร ๒ ชั้น ทรงคาดประคดเอว ทรงถือผ้าอุตราสงค์ เสด็จไปประทับนั่งในที่นั้น หลีกเร้นอยู่แต่พระองค์เดียวครู่หนึ่ง
ต่อจากนั้นภิกษุทั้งหลายออกจากสถานที่นั้นๆ แล้ว จึงพากันมาในที่ใกล้พระผู้มีพระภาค บรรดาภิกษุเหล่านั้น บางพวกถามปัญหา บางพวกทูลขอพระกัมมัฏฐาน คือ ฟังพระธรรมที่เกี่ยวกับการปฏิบัติ
เพราะอะไร ถ้าไม่เข้าใจปฏิบัติได้ไหม เพียงแต่ขอ เพียงแต่บอก ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ต้องหมายความถึง การที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมที่เกี่ยวกับการปฏิบัติให้ภิกษุเหล่านั้นได้ปฏิบัติถูกต้อง
บางพวกทูลขอการฟังธรรม
แล้วแต่จะเป็นเรื่องของกุศลธรรมมีเท่าไร อกุศลธรรมมีเท่าไร
พระผู้มีพระภาคทรงทำตามความประสงค์ของภิกษุเหล่านั้นให้สำเร็จอยู่ ย่อมทำปฐมยามให้ล่วงไป
โอกาสที่จะทรงพักผ่อนน้อยมาก เพราะว่าหลังจากที่สรงพระวรกายแล้ว ก็ยังมีภิกษุที่มาเฝ้า ทูลถามปัญหา ย่อมทำปฐมยามให้ล่วงไป คือ ตั้งแต่ ๖ โมง ถึง ๔ ทุ่ม
ในมัชฌิมยาม คือ ตั้งแต่ ๔ ทุ่ม ถึงตี ๒ พวกเทวดาจากหมื่นโลกธาตุเมื่อได้โอกาสจึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ทูลถามปัญหาตามที่ตนได้แต่งขึ้น โดยที่สุดอย่างน้อยเป็นปัญหาแม้ที่มีอักษร ๔ ตัว
คือ ถามทุกอย่าง ตั้งแต่สั้นจนถึงเรื่องยาวทีเดียว
พระผู้มีพระภาคเมื่อทรงแก้ปัญหาของพวกเทวดาเหล่านั้นอยู่ ย่อมให้มัชฌิมยามล่วงไป
หมดแล้ว ถึงตีสอง
ที่มา ...